Trends 2019 – 7 แนวคิดที่มีบทบาทกำหนดรูปแบบประสบการณ์องค์กรในอนาคต


ปีที่ผ่านมา นวัตกรรมนั้นท่วมท้นเกินรับไหว อีกทั้งยังเบียดบังเวลาและความเอาใจใส่ที่องค์กรควรให้กับลูกค้า ในอดีตเราเคยโหยหาความแปลกใหม่ ความน่าตื่นเต้น และความสุขเฉพาะหน้า แต่ปัจจุบันเรากลับมองหาความสงบและสาระท่ามกลางโลกที่แสนวุ่นวาย ผู้คนและองค์กรต่าง ๆ จึงกลับมาย้อนสำรวจจิตใจและความรู้สึกเพื่อค้นหาคุณค่าที่แท้จริงในชีวิต หันหลังให้กลับผลิตภัณฑ์และการบริการทั้งหลายที่ไม่ตอบสนองความต้องการ ความผูกพันที่มีให้กับเทคโนโลยีและแบรนด์ทั้งหลายจึงเปลี่ยนแปรไป
.
แวดวงดิจิทัลกำลังเผชิญกับภาวะการเก็บกวาดครั้งใหญ่ ถึงเวลาที่เราต้องตัดสินใจว่าอะไรที่ยังคงมีคุณค่าและมีความสำคัญสำหรับเรา ทุกวันนี้ ดิจิทัลได้แพร่หลายดาษดื่นมากจนไม่มีความแปลกใหม่ คนจึงจัดระเบียบเลือกสรรผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาจริง ๆ อาจตัดบางอย่างออกไป อาจเลิกรับข่าวสารความเคลื่อนไหวถ้าเห็นว่าไม่คุ้มกับคุณค่าที่ได้รับ การออกแบบหรือดีไซน์จึงมีบทบาทมาก และสำคัญยิ่งกว่าทุกยุคที่เคยเป็นมา
.
กรอบความคิด (mindset) ที่เปลี่ยนไปส่งผลสำคัญในหลายด้าน ขณะเดียวกันก็ได้เปิดประตูสู่โอกาสใหม่อีกมหาศาล สำหรับทั้งตัวองค์กรและประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ จึงถึงเวลาแห่งการทบทวนทุกสิ่ง และคิดใหม่ทำใหม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์ของลูกค้า ว่าสิ่งที่คนต้องการและให้ค่าจริง ๆ คือสิ่งใด
.
ผู้ชนะในปี 2562 จะเป็นองค์กรที่ทำให้คนรู้สึกได้ถึงคุณค่าและความสำคัญ (relevance) ไม่เพียงต่อชีวิตของเขาแต่กับโลกใบนี้ด้วย ซึ่งการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้น (value creation) ไม่ใช่เพียงแค่เติบโตมากขึ้นกว่าเดิม แต่ต้องดีกว่าเดิมด้วย เอคเซนเชอร์นั้น มีพันธกิจที่มุ่งสร้างสรรค์ พัฒนา และช่วยให้องค์กรต่าง ๆ นำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า จึงเชื่อว่าเทรนด์ต่าง ๆ ในปีนี้ จะสอดรับและสนับสนุนหลักการดำเนินงานของเราได้เป็นอย่างดี โดยเห็นว่าประสบการณ์ที่ดีที่สุด คือประสบการณ์ที่ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้น เจริญรุ่งเรือง และมีความหมายสำหรับชีวิตมากขึ้น”
.
1. นิ่งเสียตำลึงทอง (Silence is Gold): ความรู้สึกว่ามากมายเกินรับไหวกลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนสุขภาพไปแล้ว แบรนด์จึงควรใช้หลักการออกแบบที่ใส่ใจในทุกด้าน (mindful design) ในการเชื่อมโยงตนเองกับผู้บริโภคในปัจจุบันที่ต้องการสงบจิตสงบใจท่ามกลางโลกอันวุ่นวาย
          2 อย่ารอให้ถึงฟางเส้นสุดท้าย (The Last Straw?): แนวคิดเรื่องความยั่งยืนได้รับการพูดถึงมาอย่างกว้างขวางและยาวนาน คนส่วนใหญ่จึงคาดหวังให้ผลิตภัณฑ์และการบริการต่างๆ มาพร้อมกับความยั่งยืน ถ้าไม่ยั่งยืน ก็จะไม่สนใจ
          3.ข้อมูลแบบมินิมัล (Data Minimalism): ผู้บริโภคและองค์กรมีมุมมองด้านความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลต่างกัน ความโปร่งใสจึงอาจเป็นกุญแจสำคัญในการเติมเต็มช่องว่างตรงนี้
          4. ต้องมองข้ามช็อต (Ahead of the Curb): ความเคลื่อนไหวของชีวิตในเมือง ไล่ตั้งแต่การเริ่มนำสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไปจนถึงโดรนมาใช้ ทำให้เกิดความสับสน ไร้ระเบียบ ต่างคนต่างมีแนวทางของตัวเอง ควรถึงเวลาจัดการให้เกิดระบบนิเวศหนึ่งเดียวที่รองรับความต้องการแบบเรียลไทม์ได้
          5. ทั่วถึงในความต่าง (The Inclusivity Paradox): ปี 2561 ได้ส่งสัญญาณเตือนให้เราหันมารับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย แต่จะออกแบบอย่างไรให้ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั่วถึงโดยไม่ตกหล่นใคร จึงควรเลิกมองคนแยกเป็นกลุ่ม ๆ และปรับแนวคิดเสียใหม่
          6. พลิกโฉมการจัดการพื้นที่ (Space Odyssey): การใช้พื้นที่เพื่อการทำงานและการค้าต้องพลิกโฉมใหม่หมดด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ถึงเวลาที่จะต้องคิดใหม่เกี่ยวกับการออกแบบพื้นที่ในการใช้งาน ทั้งวิธีคิดและเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้

          7. ความเป็นจริงสังเคราะห์ (Synthetic Realities): เราต่างอยู่ในโลกใหม่ที่แม้แต่ความจริงก็ผ่านการปรับแต่งและสังเคราะห์มาแล้ว หน้าตาคนเรายังสลับกันได้ เสียงและสำเนียงก็จำลองกันได้ ความเป็นจริงที่สังเคราะห์จึงเหมือนจริงอย่างไม่น่าเชื่อ องค์กรจึงควรคิดหาวิธีการใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ พร้อมกับจัดการบริหารความเสี่ยงด้วย

   Cr. รายงาน Fjord Trends 2019 นายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าสายงานบริการทางการเงิน เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย 


Similar Posts