ทุกคนต้องรู้ โบท็อกซ์คืออะไร และช่วยอะไรเราได้บ้าง
การฉีดโบท็อกซ์ คือหนึ่งในการเสริมความงามที่เป็นที่รู้จัก และไม่ว่าวัยไหนก็ต่างติดใจ เพราะช่วยให้ใบหน้าขาวใส เรียว และเต่งตึง แต่ที่เราฉีดกันทุกวันนี้ เรารู้หรือไม่ว่า โบท็อกซ์คืออะไร และสามารถใช้เสริมความงามอะไรให้เราได้บ้าง
โบท็อกซ์คืออะไร
โบท็อกซ์ หรือสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งโดยตัวของสารเองเป็นสารที่มีพิษ เมื่อเจอกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท จะส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่ทำงาน หรือกลายเป็นอัมพาต การฉีดโบท็อกซ์จึงเป็นการฉีดให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นอัมพาต และไม่หดตัวนั่นเอง
แม้ว่าคนส่วนมากจะรู้จักโบท็อกซ์ในแง่ของความงาม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย หรือช่วยให้หน้าเรียวสวย แต่แท้ที่จริงแล้วทางการแพทย์ยังใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปวดไมเกรน การปวดหัวจากความเครียด ภาวะเหงื่อออกมากกว่าปกติ ภาวะกล้ามเนื้อหลังอักเสบเรื้อรัง ตากระตุก กล้ามเนื้อคอเกร็งตัว
อย่างไรก็ตาม การรักษานี้ไม่ได้อยู่ตลอดไป เพราะไม่ว่าจะเป็นด้านความงามหรือโรคต่าง ๆ ก็ต้องมาฉีดซ้ำ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อันตรายหรือไม่
หลายคนคงเคยได้ยินข่าวอันตรายจากการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ได้อันตรายร้ายแรง หรือน่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือโบท็อกซื์ปลอม หรือการฉีดกับแพทย์ปลอม หรือแพทย์ที่ขาดความเชี่ยวชาญในเรื่องเสริมความงาม ก็อาจจะทำให้เป็นอันตรายได้ ดังนั้นก่อนที่จะฉีดเราควรจะดูทั้งใบอนุญาตในการประกอบสถานพยาบาล ใบประกอบวิชาชีพ และตรวจสอบโบท็อกซ์ที่จะฉีดว่าเป็นของแท้หรือไม่
ฉีดแล้วหน้าตึงจริงหรือไม่ ต้องพักฟื้นกี่วัน
สำหรับใครที่กำลังกลัวว่าพอฉีดโบท็อกซ์แล้วหน้าจะตึง ยิ้มก็ไม่ได้ หัวเราะก็ไม่ได้ ขอบอกว่าไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ทำการฉีดว่ามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากเพียงใด เพราะปกติแล้ว เราไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังฉีดโบท็อกซื เรียกว่าฉีดเสร็จแล้วสามารถเดินออกจากคลินิกไปซื้อของ หรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
ใครที่ห้ามฉีด
สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ อยู่ระหว่างให้นมบุตร หรือผู้ที่มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ไม่แนะนให้ฉีดอย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะเป็นอันตรายได้ ควรเว้นไปจนกว่าจะพ้นระยะการตั้งครรภ์และให้นมบุตร หรือมั่นใจว่ารักษาโรคหายขาดแล้วนั่นเอง
การฉีดโบท็อกซ์ไม่เป็นอันตรายอย่างที่คิด เพียงแต่ว่าเราจะต้องเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ รวมถึงตรวจสอบว่าแท้ ก็ไม่เป็นอันตรายแล้ว
