สมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิว นิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK


ILINK มาเหนือเมฆปี 61 กำไรสุทธิพุ่งกระฉูด 352.13% หรือแตะ 314.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 244.94 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 69.56 ล้านบาท รับอานิสงส์สยายปีกธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณคอมพิวเตอร์สู่ประเทศเพื่อนบ้าน “ลาว-เมียนมาร์-กัมพูชา” ด้านบอร์ดไฟเขียวปันผลงวดปี 61 ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท กำหนดจ่ายเงินในวันที่ 23 พ.ค. 62 และปี 2562 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,485 ล้านบาท
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิว นิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่าผลประกอบการในปี 2561 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.61) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,369.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,118.87 ล้านบาท หรือ 26.32% จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 4,251.00 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 314.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 244.94 ล้านบาท หรือ 352.13 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 69.56 ล้านบาท เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทฯ ได้เริ่มขยายธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว,สาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์และราชอาณาจักรกัมพูชา นอกจากนี้ยังเตรียมขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในแถบอาเซียนอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อขยายฐานธุรกิจให้เติบโต ต่อเนื่องและยั่งยืน
“ผู้บริหารรุ่นใหม่ได้นำจุดแข็งของการที่บริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยไปต่อยอด โดยได้ก่อตั้งบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ซึ่งเป็นบริษัทลูก ด้วยการนำสายสัญญาณที่จำหน่ายไปก่อสร้างเป็นโครงข่ายใยแก้วนำแสง เพื่อให้บริการธุรกิจด้านโทรคมนาคมและได้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโทรคมนาคมกับ กสทช. โดยสร้างโครงข่ายสายใยแก้วนำแสงไปทั่วประเทศไทยและเปิดให้บริการเชื่อมโยงข้อมูล (Data Service) และสร้างศูนย์เก็บข้อมูล (Data Center) เพื่อให้บริการลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้าที่มีสาขา โดยเน้นการให้บริการที่ดีกว่าและรับประกัน SLA99.99% (Service Level Agreement)” นายสมบัติ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าภาครัฐ ประกอบกับบริษัทฯ มีทีมวิศวกรที่แข็งแกร่ง จึงสามารถขยายธุรกิจวิศวกรรมโครงการพิเศษ โดยเริ่มจากการเป็นผู้รับเหมา Turnkey งานก่อสร้างโครงข่ายสายใยแก้วนำแสงต่อเนื่องไปสู่งานวิศวกรรมโครงการก่อสร้างสายไฟฟ้าแรงสูงใต้ทะเล (Submarine Cable) และงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงทั้งใต้ดิน (Underground) และสายไฟฟ้าบนดิน (Transmission Line) รวมถึงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) และอื่นๆ โดยจะเน้นการรับงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเป็นหลักและจะดำเนินงานในนามของบริษัทลูก คือบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เพาเวอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
ดังนั้นผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประกอบด้วย 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ เป็นธุรกิจหลักและสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง 2. ธุรกิจโทรคมนาคม ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
และได้ Spin Off เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไปเรียบร้อยแล้ว และ 3. ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ เป็นการรับงานจากภาครัฐเป็นหลัก โดยสัดส่วนของรายได้ยังคงเน้นเฉพาะธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณและธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 และในปี 2562 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,485 ล้านบาท

ข้อมูลบริษัท :
บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย 3 ธุรกิจ ได้แก่ธุรกิจจัดจำหน่าย โดยเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและเปิดดำเนินธุรกิจมานานกว่า 32 ปี มีสาขา 5 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศและมีตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าและร้านค้า อยู่ทั่วประเทศมากกว่า 12,000 ราย รวมทั้งลูกค้าภาครัฐอีกมากกว่า 100 องค์กร อีกทั้งยังได้นำความเชี่ยวชาญมาต่อยอดเป็น ธุรกิจโทรคมนาคม โดยเป็นผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านโครงข่ายสายไฟเบอร์ออฟติกทั่วไทยเน้นลูกค้าที่มีการเชื่อมโยงสาขา ทั้งภาคธุรกิจ ภาคการเงินและภาครัฐ โดยยังได้สร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้บริการรับฝากข้อมูลของลูกค้ารายใหญ่อีกด้วยและอีกหนึ่งธุรกิจที่นำความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกรรมมารับเหมางานโครงการก็คือ ธุรกิจวิศวกรรม เป็นโครงการ Turn Key การก่อสร้างระบบโครงข่ายและระบบสายเคเบิ้ลไฟฟ้าและสื่อสาร เช่น ระบบสายไฟฟ้าใต้ทะเล โครงการสายส่งไฟฟ้า และสายเคเบิ้ลใต้ดิน เป็นต้น

ในปี 2562 ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 5,485 ล้านบาท โดยประมาณการสัดส่วนรายได้ดังนี้
1.ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (DISTRIBUTION) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 45%)
2.ธุรกิจโทรคมนาคม (TELECOM) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 37%)
3.ธุรกิจวิศวกรรมและโครงการพิเศษ (ENGINEERING) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 18%)


Similar Posts