“ICONSIAM Luxury Fashion Privilege: Luxury Unveiled” ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 สิงหาคม 2567
ไอคอนสยาม ล่าสุดจับมือ Van Cleef & Arpels แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาลักชูรี่จากฝรั่งเศสที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี เปิดร้าน Pop-Up นำเสนอผลงานล่าสุดจากคอลเลกชัน ‘Perlée’ ตั้งอยู่ที่โซน ICONLUXE ชั้น 1 ของไอคอนสยาม สะท้อนถึงความสง่างามและความประณีตเหนือกาลเวลา
ไอคอนสยาม มอบความพิเศษให้แก่ลูกค้า
คุ้มที่1: เพียงแค่รวบรวมใบเสร็จการซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากร้านลักชูรี่แบรนด์ภายในไอคอนสยาม ที่มียอดรวม 30,000 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ สามารถแลกรับ SIAM GIFT CARD มูลค่า 2,000 บาททันที
คุ้มที่ 2: เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากร้านลักชูรี่แบรนด์ภายในไอคอนสยาม ที่มียอดรวม 150,000 บาทชึ้นไปต่อใบเสร็จ แลกรับ SIAM GIFT CARD มูลค่า 5,000 บาททันที *สอบถามเพิ่มเติม ณ จุดแลกรับรางวัล เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ชั้น G และ M ณ ไอคอนสยาม
สำหรับใครๆที่ยังไม่คุ้นหรือเป็นแฟนคลับตัวแม่เรามาอัพเดตกันเกี่ยวกับร้านนี้นะคะ
Perlée คอลเลกชันล่าสุด จาก Van Cleef & Arpels ณ ไอคอนลักซ์ ชั้น 1 ไอคอนสยาม
ประกายสว่างเรืองรองของลูกปัดทองกลมกถึงดุจ ไช่มุกจนกลายเป็นที่มาของชื่อ Perlée (แปรเล) เครื่องประดับสุดวิจิตรบรรจงด้วยความแยบคายในการจัดสัดส่วนร้อยเรียงวัสดุต่างชนิดให้อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว สำหรับผลงานคอลเลกชันใหม่ อันประกอบไปด้วยกำไล, แหวน และต่างหู มอบความหลากหลายในการสวมสลับจับคู่จากการใช้ทองคำสีเหลือง, ทองคำสีกุหลาบ และทองคำสีขาสีขาวรองรับระชับแสงพรายพราวของสกาวเพชรน้ำงาม ซึ่งผ่านการคัดสรร และฝั่งขึ้นตัวเรือนในตำแหน่งรับวิถีแสง ให้แต่งเติมความหรูหราประดับผิว สะท้อนถึงรสนิยม และทักษะความชำนาญเหนือชั้นของ Van Cleef & Arpels
นาฏกรรมลูกปัดทองล้อเพชร | ประกายระยิบระยับสลับเรียง
กำไลข้อมือลูกปัด 5 แถว Perlée diamonds อวดความเลอค่าของลูกปัดทองเรียงร้อยรอบข้อมือโดยอาศัยงานออกแบบอสมมาตรสไตล์เดียวกันกับแหวนลูกปัด 5 แถวรุ่นก่อน ณ จุดบรรจบระหว่างรูปทรงกับสัณฐานสัดส่วนรับแสงตกกระทบ ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนทองคำสีเหลือง, ทองคำสีกุหลาบ หรือทองคำสีขาว ต่างรองรับงานฝังเพชรเรียงแถบแนวทแยงสะกดสายตายตาด้วยลูกเล่นคั่นสลับต่างจำนวน นั่นก็คือสอง, ห้า และสาม ทวีประกายพรายระยับจากการใช้ตัวเรือนโลหะเลอค่าโครงสร้างเปิดโปร่งลายตาข่ายรวงผึ้ง อำนวยต่อการลำเลียงแสงสงส่องผ่านมวลรัตนชาติให้กระจายวิถีเจิดจ้าออกมารอบทิศทางพร่างรัศมีส่องสว่างทั่วชิ้นงาน ในส่วนของงานออกแบบประดับพลอยสีเพื่อแสดงถึงความหลากหลาย และพรั่งพร้อมจากคอลเลกชันเครื่องประดับ Perlée ขณะที่ประกายโชติช่วงตั้งดวงอัคคีของทับทิมกลมกลืนกับทองคำสีกุหลาบ โทนละมุน ไพลินน้ำเงินสด กับมรกตเขียวขจีกลับตัดเฉดกับทองคำสีเหลืองอย่างน่าตื่นตา
นอกจากการคัดเลือก, เทียบสี และจับคู่อัญมณีถึง 50 เม็ดให้มาร่วมกันทอประกายสุกสว่างพร่างพรายอยู่บนกำไลวงนี้ จะสะท้อนถึงรสนิยมชั้นเลิศของเมซงอันมีต่อรัตนชาติแล้ว ก็ยังแสดงให้ประจักษ์ถึงทักษะ ความชำนาญเหนือชั้นอย่างยากจะหาใดเสมอเหมือน
ลีลาเรขาคณิต
เอกลักษณ์ทางงานออกแบบแหวนคู่ไขว้ Perlée diamonds duo ring อาศัยลูกเล่นหักมุม พลิกความคาดหมาย อันสะท้อนถึงความเหนือชั้นในงานสร้างสรรค์ของ Van Cleef & Arpels ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนทองคำสีเหลือง, ทองคำสีกุหลาบหรือทองคำสีขาว ล้วนสะกดสายตาด้วยงานประกอบคู่แหวนต่างรายละเอียดไขว้ทแยงในขณะที่แหวนวงในเป็นทองเกลี้ยงขัดผิวขึ้นเงาราวกระจก ตัวแทนหนึ่งในเทคนิกหัตถศิลป์แบบฉบับ สัญลักษณ์ประจำเมซง แหวนวงนอกคือตัวเรือนฝังสอดเพชรลูกทรงกลมแถวเดี่ยวบนโครงสร้างเปิดโปร่งอำนวยต่อการลำเลียงแสงเพิ่มระดับความสว่าง ขนาบข้างด้วยงานไข่มุกทองเดินขอบ
ก่อลีลาสะท้อนแสงตกกระทบสู่กัน ทอประกายระยิบระขับวับวาวไม่หยุดนิ่ง คู่แหวนไขว้ช้อนกันทั้งสองวง ต่างเดินขอบด้วยลูกปัดทองกลมกลึง ทอประกายสุกสกาวเติมความงามสง่ายามประดับบนเรียวนิ้วหรือสวมใส่ร่วมกับผลงานการออกแบบต่างสไตล์ในคอลเลกชัน อย่าง Perlée signature แหวนสลักอักษรตัวเขียนอันอ่อนช้อย, Perlée pearls แหวนลูกปิดทองล้วนแถวเดียว หรือ Perlée clovers เจ้าของเรือนแหวนประดับโมทิฟใบโคลเวอร์ฝั่งเพชรท่ามกลางงานเดินขอบลูกปัดทองคู่ขนาน
ร้อยวงแสงทอรัศมี
สมการระหว่างแสง, การเคลื่อนไหว และความเบาของน้ำหนักองค์ประกอบ นำมาซึ่งต่างหูห่วง Perlée diamonds จรัสประกายสุกใสของวงแหวนเพชรน้ำท่ามกลางประกายเงางามของห่วงลูกปัดทองขนาบข้างโดยอาศัยลูกเล่นอสมมาตรเชิงขนาดในการออกแบบสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นทองคำสีเหลือง, ทองคำสีกุหลาบ หรือทองคำขาว ตัวเรือนเรียงซ้อนดุจวงรัศมีล้วนแกว่งไกวไปมาอยู่ใต้แป้นทรงโดมฝังเพชรล้วนล้อมลูกปัดทองในเฉดโทนที่กลมกลืน
เพื่อแสดงถึงธรรมเนียมนิยมต่อความเป็นเลิศของเมซง เพชรน้ำแต่ละเม็ดล้วนผ่านการคัดเลือกตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัดก่อนนำมาฝังขึ้นตัวเรือนด้วยความชำนาญเหนือชั้น เรียงแถวเดี่ยวแนวโค้งก่อวงรัศมีสุกสกาวท่ามกลางแถวลูกปัดทองขนาบข้างมอบการสะท้อนแสงเร่งประกายสุกสว่างประดับผิววงหน้าอย่างงดงาม ในขณะที่ลูกเล่นเพิ่มขนาดไล่ระดับเรียงแถวของเพชรลูกทรงกลม และลูกปัดทองตามแนวโค้งโครงวงแหวนก่อความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหววนเวียนอย่างต่อเนื่อง กลไกห่วงยึดปลอกวงแหวนลูกปัดทองสามแถวไล่ระดับขนาด ซึ่งทิ้งตัวลงมาจากแป้นต่างหู ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับโอบกระหวัดรัดร้อยห่วงต่างหูอย่างมั่นคง กระนั้นกลับอำนวยต่อการแกว่งไกวไปตามอากัปผู้สวมใส่ ให้การเล่นแสงทอรัศมีระยิบระขับจรัสประกายไม่หยุดนิ่ง
ไหวพริบในการพลิกแพลงเทคนิคเครื่องประดับเล่นแสง
นับจากก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1906 ณ จัตุรัสว็องโดมกลางมหานครปารีส Van Cleef & Arpels ธำรงการสืบสานหัตถศิลป์เครื่องประดับอัญมนีตามธรรมเนียมดั้งเดิม ควบคู่ไปกับการพัฒนาความสมบูรณ์แบบ และพัฒนาลูกเล่นไหม่ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งอันเป็นผลจากการใช้ไหวพริบพลิกแพลงทักษะ ความชำนาญแขนงต่างๆ นำมาซึ่งผลงานสร้างสรรค์อันทรงเอกลักษณ์ ตัวแทนความเป็นเลิศของเมซงหลายต่อหลายคอลเลกชัน และหนึ่งในนั้นก็คือ Perlée บทสะท้อนรสนิยมอันมีต่อคุณลักษณ์รัตนชาติของเมซง ที่ผ่านการบ่มเพาะ และเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญรางการคัดสรรมาอย่างต่อเนื่องกว่าหนึ่งร้อยปี เพื่อเร่งความเข้มแสง เพิ่มระดับความสว่าง สะท้อนรายละเอียคคมชัดของชิ้นงาน เพชรที่ใช้ล้วนต้องผ่านการตัดสรรให้ตรงตามมาตรฐานคุณภาพอย่างเคร่งครัดเท่านั้น นั่นก็คือ D ถึง F ในแง่ของสี และ IF ถึง VVS ในประเด็นของความหมดจด กระจ่างใสของน้ำเพชร ส่วนไพลิน, ทับทิม และมรกต นักอัญมณีวิทยาผู้เชี่ยวชาญ จะทำการตรวจสอบเนื้อสีของรัตนชาติ, ความงคงามของน้ำพลอย, น้ำหนัก, เหลี่ยมมุม และหน้าตัดเจียระไน ตลอดจนความงามสง่าทางรูปทรง จากนั้น ขั้นตอนของการเทียบสี จับคู่ก็ถูกดำเนินขึ้นอย่างละเอียดพิถีพิถัน เพื่อมอบความกลมกลืน สม่ำเสมอตลอดชิ้นงานดังจะเห็นได้จากงานสร้างสรรค์กำไลข้อมือลูกปัด 5 แถว Perlée diamonds ซึ่งรองรับงานฝังอัญมณีถึง 50 เม็ด
ในการเตรียมโลหะเลอค่าระหว่างขึ้นตัวเรือนรองรับงานฝังอัญมณี ช่างโลหะตัวเรือนจะตกแต่ง และเก็บงานในทุกรายละเอียดของโครงสร้างเปิดโปร่งเพื่ออำนวยให้แสงส่องผ่านรัตนชาติแต่ละเม็ด ก่อผลลัพธ์เร่งระดับแสง เพิ่มความสว่าง จากนั้น ด้วยความประณีต แม่นยำ และพิธีพิถันระดับสูงอันจำเป็นต่อขั้นตอนของการจัดตำแหน่ง สอดอัญมณีลงระหว่างเขี้ยวหนามเตยของวงกำไลอย่างวิจิตรบรรจง ก็สะท้อนถึงความเป็นเลิศในการใช้ไหวพริบ พลิกแพลงทักษะ ความชำนาญทางานสร้างสรรค์ของ Van Cleef & Arpels ได้อย่างชัดเจน ท้ายที่สุด ด้วยเทคนิคขัดผิวขึ้นเงาราวกระจก หนึ่งในสัญลักษณ์แสดงไหวพริบทางการพลิกแพลงความชำนาญเฉพาะด้านของเมชงมานับแต่ทศวรรษ 1920 ถูกปัดทองกลมกลึงแต่ละเม็ด และทุกเม็ด จะร่วมกันพอประกายเงางามละมุนตา ต้องแสงตกกระทบ ก่อลีลาสะท้อนรัศมีเรืองรองไปตามอากัปการเคลื่อนไหว และเพื่อสืบสานขนบนิยมของ Van Cleef & Arpels อันมีต่อความพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียด กระบวนการขัดผิวขึ้นเงาราวกระจก จะถูกดำเนินขึ้นทั้งด้านหน้า และด้านหลังของชิ้นงานเครื่องประดับ เพื่อความมั่นใจในคุณภาพการรับแสงตกกระทบรอบทิศทาง ก่อวิธีสะท้อนกลับให้กระจายตัวรอบทิศทาง พร่างประกายเรืองรองงดงามภายใต้ทุกสภาวะแสง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกปัดทองคำ….
สัณฐานกลมกลึงดุจไข่มุกเม็ดงาม ครองตำแหน่งหนึ่งในโมทิฟอันทรงแบบฉบับของ Van Cleef & Arpels สำหรับใช้เป็นรายละเอียดตกแต่งเครื่องประดับ กับนาฬิกาข้อมือของเมซงหลายต่อหลายรุ่นมานับตั้งแต่ทศวรรษ 1920 นอกจากนั้น ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะองค์ประกอบหลักของเครื่องประดับ Couscous (คูส์คูส์: เครื่องประดับอันเกิดจากการร้อยลูกปัดมุกทองขึ้นโครงสร้างตัวเรือน) และ Bagatelle (บากาแต็ลล์: คอลเลกขันเครื่องประดับสลับลายดอกไม้ถ่ายทอดความงามแห่งรุกขชาติจากสวนบากาแต็ลล์ชานเมืองปารีส) ในปีค.ศ. 1948 อีกทั้งยังใช้เติมเสน่ห์ตรึงสายตาให้แก่บรรดาเข็มกลัดรูปสัตว์ที่แสนน่ารักในคอลเลกชัน la Boutique อันถือเป็นผลงานยอดนิยมระหว่างทศวรรษ 1960 และต่อเนื่องมาจวบจนปัจจุบันตั้งแต่ถูกนำมาใช้เดินขอบเน้นทรวดทรงอ่อนช้อยให้แก่แผ่นโมทิฟรูปทรงใบโคลเวอร์สี่แฉก อีกหนึ่งสัญลักษณ์ทางงานออกแบบของเมซงในการสรรค์สร้างเครื่องประดับ Alhambra รุ่นแรกเมื่อปีค.ศ. 1968 ไข่มุกทองกลมกลึงก็ดำรงตำแหน่งตัวแทนความเป็นเลิศของ Van Cleef & Arpels ด้วยคุณสมบัติอันอำนวยต่อการพลิกแพลง และคัดแปลงใช้งานแต่งเติมรายละเอียดแห่งความวิจิตรบรรจง อยู่เหนือกระแสความนิยมของยุคสมัย
เพื่อสะท้อนถึงความเป็นเลิศทางความคิดสร้างสรรค์ และปรารถนาที่จะสืบสานมรดกทรงค่าของเมซงงานออกแบบ เครื่องประดับ Perlée คอลเลกชันใหม่ อาศัยแรงบันดาลใจในแต่ละองค์ประกอบมาจากบรรดาผลงานระดับตำนานอย่าง Tartelette (ตารต์แล็ตต์) เครื่องประดับทรงขนมทาร์ต ซึ่งใช้ลูกปัดทองจำลองรายละเอียดสถาปัตยกรรมริ้วลายคิ้วนูนต่ำประดับมุมเพดานผนัง หรือบัวหัวเสามาเดินขอบเสมือน “กระทงทาร์ต” ล้อมกรอบรับวิถีแสงตกกระทบสะท้อนสู่หัวแหวนทรงโดมรองรับการฝังเพชรลูกต่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเรียงแถวจิกไข่ปลา ก่อประกายระยิบระยับเรืองรองสะกดสายตา หรือบรรดาเครื่องประดับระหว่างทศวรรษ 1980 ซึ่งโดดเด่นด้วยสัดส่วนอสมมาตรทางรูปทรงเรขาคณิต และลูกเล่นศิลปะนามธรรมดังปรากฏในงานออกแบบแหวน “กาโรลีน” (Caroline) เข้าของตัวเรือนประกอบลูกปัดทองรองรับงานฝังอัญมณีตัดเฉดเป็นริ้วสีพาดทแยงแนวขวาง