ความต้องการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่เคยหยุด อุปกรณ์เสริม สร้างการเติบโตให้แก่ระบบ Internet of Things
เราต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้ โลกของการสื่อสารและการบริโภคข่าวสาร ความบรรเทิงได้เปลี่ยนแปลงไปจากก่อนอย่างมาก ในเร็ววันนี้เราอาจจะได้เห็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับเลนส์ที่หลายหลาย โทรศัพท์ที่สามารถบันทึกภาพวิดีโอแบบ UltraHD และอาจได้เห็นแอพพลิเคชั่นเพื่อการถ่ายภาพและชมภาพเสมือนจริง
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับตลาดอุปกรณ์เสริมที่นับวันจะเติบโตและพัฒนาไปมาก และมาทำความรู้จักกับหนุ่มนักธุรกิจ เจษฎา ภวภูตานนท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย แซนดิสก์ คอร์ปอเรชั่น
LA: ช่วยเล่าให้เราฝังคร่าวๆเกี่ยวกับบริษัทหน่อยค่ะ
เจษฎา: แซนดิสก์ คอร์เปอเรชั่น เป็นบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 และ S&P 500 เป็นผู้นำเทคโนโลยีแฟลชสตอเรจระดับโลก ตลอดระยะเวลากว่า 26 ปี แซนดิสก์ได้ขยายรูปแบบของการจัดเก็บข้อมูลด้วยนวัตกรรมที่เชื่อถือได้ ซึ่งช่วยเปลี่ยนแปลงวงการอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ ปัจจุบัน โซลูชั่นที่ล้ำสมัยและมีคุณภาพของแซนดิสก์ถือเป็นหัวใจสำคัญของศูนย์ข้อมูล (data center) ใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลก และยังเป็นชิ้นส่วนสำคัญในสมาร์ทโฟน เเท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์พีซีที่ทันสมัย ผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดผู้บริโภคของแซนดิสก์มีวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกหลายแสนแห่งทั่วโลก
LA: ภาพรวมของการ์ดความจำ microSD เป็นอย่างไหรบ้างค่ะ
เจษฎา:การ์ดความจำ microSD ยังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมสร้างการเติบโตให้แก่ระบบ Internet of Thing ด้วยการลดข้อจำกัดเรื่องการจัดเก็บข้อมูล เรายังมองว่าการ์ดความจำ microSD ออกสู่ตลาดกว่า 2 พันล้านชิ้น นับตั้งแต่เริ่มเพื่อการผลิตและจัดจำหน่ายตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะรูปแบบของการ์ดความจำ microSD นั้นจะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่จำเป็นสำหรับโลกของเทคโนโลยีในอนาคต
แซนดิสก์ได้ริเริ่มสร้างสรรค์การ์ดความจำ microSD™ ในปี 2004 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ TransFlash™ ต่อจากนั้นในปี 2005 ได้สนับสนุนให้เกิดสมาคมเกี่ยวกับการ์ดความจำแบบ SD Card พร้อมเปลี่ยนชื่อและกระจายสินค้าที่มีคุณสมบัติล่าสุดในรูปแบบการ์ดความจำแบบ microSD ในวันที่ 13 กรกฏาคม 2005 สำหรับรูปแบบดังกล่าวนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนถือได้ว่ามากที่สุดในประวัติของแซนดิสก์ โดยปัจจุบันสามารถรวบรวมจำนวนการ์ดความจำ microSD™ ที่แซนดิสก์ได้ผลิตออกสู่ท้องตลาดจำนวนสูงถึง 2 พันล้านชิ้น คิดเป็นหน่วยความจำได้มากถึง 11,103 พันล้าน เมกะไบท์ (MB)* หรือโดยเฉลี่ยมากกว่า 100MB ต่อคน สำหรับประชากรทั้งหมดบนโลกใบนี้
the SanDisk Ultra microSDXC UHS-I Card, 200GBLA: อะไรที่ทำให้ตลาดการ์ดความจำ microSD โตอย่างต่อเนื่องค่ะ
เจษฎา: การ์ดความจำ microSD ช่วยลดขนาดของการ์ดความจำแบบที่ถอดออกได้ คิดเป็นประมาณ 75 % ซึ่งมีบทบาทที่สำคัญยิ่งต่อความหลากหลายของตลาดผู้บริโภคสินค้า ตัวอย่างเช่น มุมมองของภาพส่วนใหญ่ที่เป็นในรูปแบบ “point of view” หรือ กล้องจับภาพเคลื่อนไหว กลุ่มภาพดิจิตอลที่ใช้ความเร็วในการจับภาพสูง ทั้งหมดนี้ต่างจำเป็นต้องใช้การ์ดความจำแบบ microSD
นอกจากนี้การ์ดความจำ microSD ยังช่วยขับเคลื่อนตลาดสมาร์ทโฟนทั้งในกลุ่มผู้ผลิตและกลุ่มผู้บริโภค ให้สามารถมีความยืดหยุ่นและมีอิสระเพิ่มมากขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าสมาร์ทโฟนในตลาดปัจจุบันจำนวนมากกว่า 75 % จะมีช่องสำหรับใส่การ์ดความจำ microSD โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Strategy Analytics1 ทั้งนี้เมื่อไม่นานมานี้ทาง Google ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีช่อง microSD ออกสู่ 2 ตลาดใหญ่ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่สูง ได้แก่ Android One ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนามาเพื่อโทรศัทพ์มือถือสำหรับกลุ่มตลาดสมาร์ทโฟนในราคาต่ำกว่า 6,800 บาท สำหรับตอบสนองในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และ Android M ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดที่อนุญาติให้ระบบปฎิบัติการสามารถเข้าถึงข้อมูลในการ์ดความจำ microSD ได้โดยตรง และยังสามารถช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานให้แก่อุปกรณ์นั้นๆ มากขึ้น
เครดิตภาพ labs.sogeti.com