พาส่อง เทคนิคเลือกซื้อทองรูปพรรณ ราคาดี ต้องดูอะไรบ้าง?
ทองคำ เป็นสิ่งมีมูลค่าสูงทั้งในด้านตัวเงินและทางจิตใจ โดยสามารถเก็บเป็นของสะสม ที่สามารถส่งต่อให้ลูกและหลานได้ หรือจะนำมาเก็งกำไรขายในตอนที่ราคาทองสูงขึ้นก็ย่อมได้ ซึ่งทองคำที่นิยมนำมาซื้อขายกันในตลาดทองมีอยู่ 2 ประเภทคือทองคำแท่ง ที่สามารถซื้อขายขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 1บาท, 2บาท, 5บาท, 10บาท, ไปจนถึงทองคำแท่งละ 1 กิโลกรัม แต่ถ้าเป็นทองรูปพรรณ ที่มีราคาถูกกว่า แต่มีหลายรูปทรงให้เลือก สำหรับเป็นเครื่องประดับสะสมอย่าง สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน กำไลข้อมือ ก็จะเป็นอีกรูปแบบทองยอมนิยมในกลุ่มคนซื้อขายทองคำ วันนี้จะพาส่อง เทคนิคเลือกซื้อทองรูปพรรณ ราคาดี ต้องดูอะไรบ้าง?
ทำความรู้จักทองรูปพรรณ
หลายคนอาจจะเคยได้ยินแต่คำว่าทอง ทองที่เป็นทองคำก้อน หรือทองคำแท่ง แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีทองอีกประเภทหนึ่งที่เป็นที่นิยมในตลาดซื้อขายทองคำอย่าง ทองรูปพรรณ ที่สามารถขายในราคาดี และมีหลายรูปทรงให้เลือก รวมถึงสามารถกำหนดปริมาณทองคำและขนาดได้ตามที่ต้องการอีกด้วย
โดยปริมาณหรือน้ำหนักของทองนั้น จะนิยมเรียกกันเป็น “บาท” ซึ่งไม่ใช่หลักเหรียญบาที่เรารู้จัก ซึ่ง 1 บาท ของทองรูปพรรณนั้นจะอยู่ที่น้ำหนัก 15.16 กรัม ซึ่งเป็นค่าความบริสุทธิ์ของทอง
เทคนิคเลือกซื้อทองรูปพรรณ ราคาดี
- เลือกจากประเภทของทองรูปพรรณ
ทองรูปพรรณเป็นการนำทองคำมาหลอมเป็นรูปร่างของเครื่องประดับ โดยสามารถสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานเครื่องประดับได้ รวมถึงสามารถนำไปขายต่อได้ราคาที่ดีอีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบดังต่อไปนี้
- สร้อยทอง : เป็นรูปแบบทองรูปพรรณยอดนิยมที่ได้ราคาสูง เพราะมีขนาดตั้งแต่ 1 สลึง, 2 สลึง และ 1 – 10 บาท เป็นต้น โดยสามารถเพิ่มน้ำหนักทองได้สูงถึง 10 บาท
- กำไลข้อมือ : เป็นรูปแบบที่นิยมนำมาเป็นของขวัญ โดยสามารถเพิ่มมูลค่าได้ด้วยสวมใส่กับจี้เพชร หรือพระเครื่องก็ย่อมได้ มีขนาดตั้งแต่ 1 สลึง, 2 สลึง และ 1 – 10 บาท เป็นต้น
- แหวน : เป็นเครื่องประดับขนาดเล็ก โดยสามารถนำไปเพิ่มมูลค่าได้ด้วยการใส่เพชร หรือจิลเวลลี่ประดับเข้าไปได้มีขนาดตั้งแต่ 0.5 สลึง – 2 สลึง และ 1 บาท
- ต่างหู : เป็นเครื่องประดับชิ้นเล็กที่สามารถกำหนดขนาดได้หลากหลาย แต่ถ้ายิ่งเพิ่มน้ำหนักทองมากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลทำให้เวลาสวมใส่มีน้ำหนักที่มากขึ้นเช่นกัน มีขนาดตั้งแต่ 0.5 สลึง – 2 สลึง
- เลือกจากช่วงราคาค่ากำเหน็จ
นอกจากประเภทของทองรูปพรรณแล้ว ค่ากำเหน็จก็เป็นส่วนสำคัญที่กำหนดราคาทองที่จะได้รับอีกด้วย ซึ่งค่ากำเหน็จเป็นค่าของช่างทำทองหรือเรียกง่าย ๆ ว่าค่าแรงในการขึ้นรูปและทำลายสวยงามให้เครื่องประประดับทองรูปพรรณ โดยส่วนใหญ่จะมีราคาอยู่ที่ 600 – 1,500 แล้วต่อน้ำหนักทอง 1 บาท ซึ่งยิ่งซื้อน้ำหนักทองเยอะเท่าไหร่ก็จะมีการจ่ายค่ากำเหน็จมากขึ้นเท่านั้น