อาการไข้เลือดออกเด็กที่ต้องเฝ้าระวังมีอะไรบ้าง
ไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่มียุงลายเป็นพาหะ พบได้บ่อยในเด็ก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน การรู้จักสังเกตอาการเบื้องต้นและเฝ้าระวังอาการรุนแรงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพ ผู้ปกครองควรทราบถึง อาการไข้เลือดออกเด็กที่ต้องเฝ้าระวังดังต่อไปนี้
ไข้สูงเฉียบพลัน
อาการไข้เลือดออกเด็กแรกที่มักพบคือไข้สูงเฉียบพลัน โดยอุณหภูมิร่างกายอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า ไข้มักคงอยู่ 2-7 วัน หากเด็กมีไข้สูงต่อเนื่องเกิน 2 วันโดยไม่มีสาเหตุอื่น ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
ปวดกล้ามเนื้อและข้อ
ให้ลองสังเกต อาการไข้เลือดออกเด็ก ซึ่งมักมีอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อ โดยเฉพาะบริเวณหลังกระบอกตา ต้นแขน ต้นขา และหลังส่วนล่าง บางครั้งอาการปวดอาจรุนแรงจนเด็กไม่อยากขยับตัว
ผื่นแดงตามตัว
ผื่นแดงมักปรากฏหลังจากมีไข้ 2-5 วัน โดยเริ่มจากลำตัวแล้วกระจายไปแขนขา ผื่นอาจมีลักษณะเป็นจุดแดงเล็กๆ หรือปื้นแดงขนาดใหญ่ ซึ่งจะจางหายไปใน 1-2 วัน
เลือดออกผิดปกติ
อาการเลือดออกผิดปกติเป็น อาการไข้เลือดออกเด็กที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด อาจพบจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน หรืออาเจียนเป็นเลือด ในกรณีรุนแรงอาจมีเลือดออกในอวัยวะภายใน
อาการทางระบบทางเดินอาหาร
เด็กอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และปวดท้อง โดยเฉพาะบริเวณชายโครงด้านขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับที่อาจบวมขึ้นเนื่องจากการติดเชื้อ
กระหายน้ำมาก ปัสสาวะน้อย
อาการไข้เลือดออกเด็กอีกอย่างที่ต้องเฝ้าระวังและสังเกตอาการคือ มีอาการกระหายน้ำมากผิดปกติ แต่ปัสสาวะน้อยลง อาจบ่งชี้ถึงภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายของไข้เลือดออก
อาการซึม
หากเด็กมีอาการซึม ไม่กระตือรือร้น หรือตอบสนองช้าลงอย่างผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะช็อกจากไข้เลือดออก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที
การเฝ้าระวัง อาการไข้เลือดออกเด็กเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังไข้ลด เนื่องจากเป็นระยะที่อาจเกิดภาวะช็อกได้ ผู้ปกครองควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและพาเด็กไปพบแพทย์ทันทีหากพบอาการผิดปกติ
นอกจากการเฝ้าระวังอาการแล้ว การป้องกันยุงกัดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ควรกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ใช้มุ้งลวดหรือมุ้งชุบสารเคมี และทายากันยุงให้เด็กเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยุงชอบออกหากิน
หากพบว่าเด็กมีอาการเข้าข่ายไข้เลือดออก ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เนื่องจากยาบางชนิด เช่น แอสไพริน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออก
การรู้เท่าทันอาการและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้สามารถรับมือกับโรคไข้เลือดออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และนำไปสู่การรักษาที่ประสบความสำเร็จ