สุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด(มหาชน)
ASIMAR เปิดแผนปี 2562 ตั้งเป้ารายได้โต 30% หลังตุนงานในมือแล้วกว่า 180 ล้านบาท และเตรียมทยอยรับรู้รายได้งานที่ตกค้างมาจากปีที่ผ่านมา ล่าสุดจ่อประมูลงานต่างประเทศ รุกตลาดต่อเรืออินเตอร์ ฝั่งสาขา จ.สุราษฎร์ธานี มีออร์เดอร์งานซ่อมเรือลูกค้าต่อเนื่อง เตรียมลงทุนขยายกำลังการผลิตซ่อมเรือเพิ่ม หลังมีดีมานด์ในตลาด หนุนรายได้โตแข็งแรง ขณะที่บริษัทลูก “อีโคมารีน” รุกตลาดผลิตภัณฑ์น้ำยาขจัดคราบ ทำความสะอาด สูตรธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ ” อีโค คลีนเนอร์ พลัส” เจาะตลาด B-C เพิ่มขึ้น “สุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์” ซีอีโอ ประกาศผลงานปี 61 มีกำไรสุทธิ 32.67 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากรายได้งานต่อเรือลดลง
นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด(มหาชน) หรือ ASIMAR กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 ว่า “บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% จากปีที่ผ่านมา ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากมูลค่างานคงค้างในมือ (Backlog) ที่มีในปัจจุบันกว่า 180 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการงานต่อเนื่องจากปี 2561 ที่ผ่านมา เช่น งานเหมาช่วง ติดตั้งโครงสร้างเหล็ก โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และงานต่อเรือเฟอรี่ข้ามเกาะสมุย รวมทั้งงานใหม่ เซ็นสัญญาปี 2562 เป็นงานต่อเรือเก็บขยะของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดยบริษัทยังเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่องอีก ทั้งงานภาคเอกชนที่บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว และรุกงานภาครัฐบาลมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทได้เข้าเสนองานต่อเรือต่างประเทศ คาดว่าจะทราบผลในช่วงกลางปีนี้”
สำหรับอู่ที่จ.สุราษฎร์ธานี ในปี 2562 มีแผนขยายรายได้ จากฐานลูกค้าในพื้นที่ และลูกค้าประจำที่มีงานทางโซนภาคใต้ โดยไม่ต้องวิ่งเรือมาเข้าอู่ที่สมุทรปราการ ทำให้ลูกค้าสะดวกและประหยัดต้นทุนน้ำมัน
พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมลงทุนเพิ่ม ที่ จ.สมุทรปราการ ขยายกำลังการผลิตการซ่อมเรือ เนื่องจากมองว่าธุรกิจซ่อมเรือมีแนวโน้ม ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ลูกค้ามีงบประมาณซ่อมเรือเพิ่มขึ้น และมองว่าช่องทางการตลาดยังโตได้อีก มีดีมานด์ในการซ่อมเรือ จากการที่อู่บางรายเลิกกิจการ ทำให้ลูกค้ามาใช้บริการกับ ASIMAR เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของบริษัท อีโคมารีน ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ASIMAR จะมีการเพิ่มช่องทางในการขายผลิตภัณฑ์น้ำยาขจัดคราบ ทำความสะอาด สูตรธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ ” อีโค คลีนเนอร์ พลัส ” จากเดิมขายแบบ B-B ให้กับโรงงานอุตสาหกรรม จะหันมาเพิ่มช่องทางการขายแบบ B-C เพิ่มขึ้น โดยการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมใช้ เริ่มขายไซซ์เล็ก เพื่อเจาะตลาดกลุ่มแม่บ้านเพิ่มขึ้น
ด้านผลประกอบการในปี 2561 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 32.67 ล้านบาท ลดลง 60% จากปี 2560 และมีรายได้รวม 524.89 ล้านบาท ลดลง 26% รายได้และกำไรที่ลดลงมีผลมาจากส่วนงานต่อเรือ เนื่องจากบริษัทไม่มีโครงการต่อเรือขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงเท่ากับปี 2560 โดยมีเพียงโครงการต่อเรือกำจัดผักตบชวา จำนวน 4 ลำ เป็นของหน่วยงานราชการที่รับงานผ่านมาจากบริษัทย่อย บริษัท อีโค มารีน จำกัด ซึ่งส่งมอบเรือทั้งหมดเรียบร้อยแล้วในปี 2561
ขณะที่บริษัทฯ มีรายได้จากงานซ่อมเรือ 420.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.70 ล้านบาท จากงานซ่อมของสาขาจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และงานโครงการซ่อมคืนสภาพเรือทำลายทุ่นระเบิด จำนวน 2 ลำ กำหนดส่งมอบไตรมาส 1/2562
โดยในปี 2561 บริษัทฯมีรายได้เพิ่มจากงานวิศวกรรมเป็นงานโครงสร้างเหล็กของโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดา จังหวัดสงขลา และงานติดตั้งโครงสร้างเหล็กโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ซึ่งทั้ง 2โครงการ มีกำหนดส่งมอบงานช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2562
ล่าสุด บริษัทแจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ รับงานต่อเรือเก็บขยะ Toyota Canal Cleaning Boat จำนวน 1 ลำ จากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มูลค่างาน 5.80 ล้านบาท เพื่อใช้เก็บขยะในลำคลอง เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของคูคลองขนาดเล็ก โดยความพิเศษของเรือลำดังกล่าวใช้วัสดุอลูมิเนียมทำให้มีนำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดวกผสานกับการออกแบบทางวิศวกรรมที่ทำให้สามารถยกสิ่งกีดขวางในลำคลองที่มีขนาดใหญ่ได้ และใช้เครื่องยนต์โตโยต้าเป็นเครื่องต้นกำลังซึ่งมีความทนทาน มีมาตรฐานไอเสียระดับสูง และหาอะไหล่ทดแทนได้ง่ายในอนาคต มีกำหนดส่งมอบเรือเดือน กรกฎาคม 2562 นี้ ถือเป็นเรือต้นแบบที่บริษัทฯ จะใช้ต่อยอดเพิ่มได้ในอนาคต