บมจ. คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) แจกข่าวดีการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) สั่งซื้ออุปกรณ์สวิตซ์ตัดตอนไฟฟ้า 115 kV จากบริษัทฯ จำนวน 26 ชุด มูลค่ารวม 88.85 ล้านบาท “สมพงษ์ กังสวิวัฒน์” ระบุเป็นการต่อยอดธุรกิจ ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และหนุนรายได้ให้เพิ่มมากขึ้น เผยต่อจากนี้จะเดินหน้าผลักดันธุรกิจ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมลุยยื่นประมูลบิ๊กโปรเจ็กอีกเพียบ โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10 % หรือ 5,000 ล้านบาท
นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CSS เปิดเผยว่า การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ) ได้พิจารณาตกลงซื้อ อุปกรณ์สวิตซ์ตัดตอนไฟฟ้า 115 kV Load Break switch 2,000 A with Battery จำนวน 26 Sets จากบริษัทฯ คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 88,857,080 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
“จากการที่บริษัทได้รับการพิจารณาสั่งซื้ออุปกรณ์สวิตซ์ตัดตอนไฟฟ้า 115 kV จากกฟน. แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจในศักยภาพของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ผ่านคุณสมบัติจากการพิจารณาจาก กฟน. และในโอกาสนี้ ขอบคุณ กฟน.ที่ให้ความไว้วางใจบริษัทฯ ในการพิจารณาสั่งซื้อสินค้าในครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าโครงการดังกล่าว จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่าย เพิ่มความน่าเชื่อถือ และสร้างเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ในส่วนบริษัทฯเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ ผลการดำเนินงานอนาคตเติบโตยิ่งขึ้น” นายสมพงษ์กล่าว
เขากล่าวต่อว่า ปีนี้ทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยมีตัวแปรที่สำคัญจากการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม โดยบริษัทฯถือหุ้น 25% จำนวน 2 โครงการ ขนาด 99.216 เมกะวัตต์ ของบริษัท Phu Khanh Solar Power Joint Stock Company (PKS) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้า เชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือนมิถุนายน 2562 อีกทั้งยังรับรู้รายได้จากการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ที่สปป.ลาว โดยบริษัทถือหุ้น 38% ขนาด 5 เมกะวัตต์เข้ามาเต็มปี รวมถึงธุรกิจโทรคมนาคมและเทรดดิ้งที่มีการปรับตัวดีขึ้น อย่างต่อเนื่อง จากการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อบริษัทฯ ทำให้มีโอกาสได้งานใหม่ๆ และมีนัยสำคัญต่อการเติบโตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2562 จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,100 ล้านบาท และบริษัทยังคงเข้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นมากยิ่งขึ้น
อนึ่งบริษัทฯ แจ้งผลการดำเนินงานปี 2561 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ จำนวน 171 ล้านบาท และมีรายได้รวมจำนวน 4,566 ล้านบาท พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติ ให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งหลังปี 2561 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดเพิ่มอีกในอัตรา หุ้นละ 0.06 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562
นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CSS เปิดเผยว่า การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ) ได้พิจารณาตกลงซื้อ อุปกรณ์สวิตซ์ตัดตอนไฟฟ้า 115 kV Load Break switch 2,000 A with Battery จำนวน 26 Sets จากบริษัทฯ คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 88,857,080 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
“จากการที่บริษัทได้รับการพิจารณาสั่งซื้ออุปกรณ์สวิตซ์ตัดตอนไฟฟ้า 115 kV จากกฟน. แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจในศักยภาพของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ผ่านคุณสมบัติจากการพิจารณาจาก กฟน. และในโอกาสนี้ ขอบคุณ กฟน.ที่ให้ความไว้วางใจบริษัทฯ ในการพิจารณาสั่งซื้อสินค้าในครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าโครงการดังกล่าว จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่าย เพิ่มความน่าเชื่อถือ และสร้างเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ในส่วนบริษัทฯเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ ผลการดำเนินงานอนาคตเติบโตยิ่งขึ้น” นายสมพงษ์กล่าว
เขากล่าวต่อว่า ปีนี้ทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยมีตัวแปรที่สำคัญจากการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม โดยบริษัทฯถือหุ้น 25% จำนวน 2 โครงการ ขนาด 99.216 เมกะวัตต์ ของบริษัท Phu Khanh Solar Power Joint Stock Company (PKS) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้า เชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือนมิถุนายน 2562 อีกทั้งยังรับรู้รายได้จากการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ที่สปป.ลาว โดยบริษัทถือหุ้น 38% ขนาด 5 เมกะวัตต์เข้ามาเต็มปี รวมถึงธุรกิจโทรคมนาคมและเทรดดิ้งที่มีการปรับตัวดีขึ้น อย่างต่อเนื่อง จากการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อบริษัทฯ ทำให้มีโอกาสได้งานใหม่ๆ และมีนัยสำคัญต่อการเติบโตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2562 จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,100 ล้านบาท และบริษัทยังคงเข้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นมากยิ่งขึ้น
อนึ่งบริษัทฯ แจ้งผลการดำเนินงานปี 2561 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ จำนวน 171 ล้านบาท และมีรายได้รวมจำนวน 4,566 ล้านบาท พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติ ให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งหลังปี 2561 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดเพิ่มอีกในอัตรา หุ้นละ 0.06 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562