ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโสสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC)


  ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโสสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) เปิดเผยผลการสำรวจ “ความรับรู้และความคิดเห็นของเด็กเยาวชนไทยเกี่ยวกับคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562” สำรวจระหว่างวันที่ 4 ถึง 10 มกราคม พ.ศ. 2562 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,137 คน
วันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมได้ถูกกำหนดให้เป็นวันเด็กแห่งชาติของไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 ที่ให้เปลี่ยนจากวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม ทั้งนี้วันเด็กแห่งชาติในประเทศไทยได้ถูกกำหนดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี และสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติในประเทศไทยคือ “คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ” ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้มอบให้และถือเป็นประเพณีปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ.2502 ที่นายกรัฐมนตรีจะมอบคำขวัญวันเด็กให้เป็นคติและแนวทางในการปฏิบัติตนของเด็กซึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไปในอนาคต ขณะเดียวกันคำขวัญวันเด็กแห่งชาติยังเป็นสิ่งสะท้อนถึงสถานการณ์บ้านเมืองและความเป็นไปของสังคมในช่วงนั้นๆอีกด้วย สำหรับคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562 ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมอบให้คือ “เด็ก เยาวชน จิตอาสา ร่วมพัฒนาชาติ” และเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562 สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงได้ทำการสำรวจความรับรู้และความคิดเห็นของเด็กเยาวชนไทยเกี่ยวกับคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562
          จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างอายุ 13 ถึง 20 ปี แบ่งเป็นเพศหญิงร้อยละ 50.66 และเพศชายร้อยละ 49.34 สามารถสรุปผลได้ดังนี้ ด้านความรับรู้เกี่ยวกับคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562 นั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 87.07 ทราบว่าคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562 คือ “เด็ก เยาวชน จิตอาสา ร่วมพัฒนาชาติ” ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 12.93 ยอมรับว่าไม่ทราบ
ด้านความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562 นั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 30.17 เข้าใจความหมายของคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562 ว่า “ให้เด็กและเยาวชนรู้จักทำประโยชน์ให้ส่วนรวมและร่วมกันพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง” รองลงมาระบุว่า “ให้เด็กและเยาวชนรู้จักช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนและร่วมกันทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า” คิดเป็นร้อยละ 26.56 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 15.74 และร้อยละ 14.07 ระบุว่า “ให้เด็กและเยาวชนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความสามัคคีกันเพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศ” และ “ให้เด็กและเยาวชนรู้จักอาสาทำประโยชน์ให้สังคมและมีความรักชาติ” ตามลำดับ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.53 ระบุว่า “ให้เด็กและเยาวชนคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและประโยชน์ของประเทศ” โดยที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 4.93 ยอมรับว่าไม่เข้าใจความหมายเลย
ในด้านความคิดเห็นต่อคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562 นั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 82.41 รู้สึกว่าคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562 จดจำได้ง่าย ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 13.37 รู้สึกว่าจดจำได้ยาก ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 4.22 ไม่แน่ใจ ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62.09 มีความคิดเห็นว่าตนเองจะสามารถปฏิบัติตามคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562 ได้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 27.09 ยอมรับว่าตนเองไม่สามารถปฏิบัติได้ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 10.82 ไม่แน่ใจ
สำหรับกลุ่มบุคคลที่กลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นว่าสามารถเป็นตัวอย่างให้เด็ก-เยาวชนปฏิบัติตามคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2562 ได้มากที่สุด 5 อันดับ คือ พ่อแม่ผู้ปกครองคิดเป็นร้อยละ 87.25 ดารานักร้องนักแสดง/นักดนตรีคิดเป็นร้อยละ 84.7 ครูอาจารย์คิดเป็นร้อยละ 82.32 บุคคลทั่วไปที่ถูกเผยแพร่พฤติกรรมดีๆผ่านสื่อต่างๆคิดเป็นร้อยละ 79.07 และกลุ่มเน็ตไอดอลคิดเป็นร้อยละ 76.25 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 75.11 ระบุว่านักกีฬา

Similar Posts