|

ทำไมต้องล้างจมูก ประโยชน์ของการล้างจมูก คำแนะนำและขั้นตอนวิธีทำแบบง่ายๆด้วยตนเอง


การล้างจมูก เป็นการชะล้างเอาน้ำมูก  หนอง  สิ่งสกปรกในจมูก ซึ่งเกิดจากการอักเสบในโพรงจมูกและไซนัส หรือคราบสะเก็ดแข็งของเยื่อบุจมูกหลังการผ่าตัดจมูกและไซนัส หรือหลังการฉายแสงออก ด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ  เพื่อให้โพรงจมูกและบริเวณรูเปิดของไซนัสโล่ง   ทำให้บรรเทาอาการคัดจมูก  น้ำมูกไหล ทั้งที่ไหลออกมาข้างนอก และไหลลงคอ     นอกจากนั้นการล้างจมูกก่อนการพ่นยาในจมูก จะทำให้ยาสัมผัสกับเยื่อบุจมูกได้มากขึ้น  ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น

การล้างจมูกมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1.  ควรอุ่นน้ำเกลือก่อนการล้างจมูกเสมอ  โดยให้มีอุณหภูมิพอเหมาะกับเยื่อบุจมูก   การใช้น้ำเกลือที่ไม่ได้อุ่นล้างจมูก   อาจทำให้เกิดการคัดจมูกหลังการล้างได้    การอุ่นน้ำเกลือสามารถทำได้โดยต้มน้ำประปาให้เดือดในหม้อต้ม ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่สามารถใส่ขวดน้ำเกลือเพื่อลงไปอุ่นได้   หลังจากนั้นปิดไฟ   แล้วนำขวดน้ำเกลือที่แพทย์จ่ายให้ใส่ลงไปแช่ในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที (ขวดน้ำเกลือที่ซื้อมาจากโรงพยาบาลสามารถทนความร้อนได้) แล้วนำขวดน้ำเกลือนั้น ขึ้นมาเทใส่ภาชนะปากกว้าง เช่น ชาม  ในขนาดพอประมาณ ที่จะทำการล้างในเวลานั้นๆ หรืออาจเทน้ำเกลือลงในภาชนะที่สามารถอุ่นในไมโครเวฟได้ แล้วอ่นในไมโครเวฟให้อ่นพอประมาณ  ในกรณีที่อยากทำน้ำเกลือไว้ล้างเอง  อาจทำได้โดย ต้มน้ำประปาในขนาด 1 ขวดแม่โขง (750 ซีซี) ในหม้อต้มให้เดือด   หลังจากนั้นใส่เกลือแกง หรือเกลือป่นที่ใช้ปรุงอาหารลงไป 1 ช้อนชา แล้วคนให้เข้ากัน   หลังจากนั้นจึงปิดไฟ และตั้งทิ้งไว้ให้อุ่น (น้ำเกลือที่เตรียมเอง ควรใช้ภายใน 1 วันเท่านั้น ที่เหลือควรทิ้งไป) ก่อนนำน้ำเกลือที่อุ่นแล้วนั้นมาล้างจมูก ควรทดสอบกับหลังมือเสียก่อน   น้ำเกลือควรจะอุ่นในขนาดที่หลังมือทนได้

2.  ควรล้างจมูกบนโต๊ะ  โดยหาภาชนะมารองรับน้ำเกลือหลังล้าง ที่จะออกมาทางจมูก และปาก เช่น ชาม หรือกะละมัง หรือล้างในอ่างล้างหน้า

3.  ใช้ลูกยางแดง หรือ กระบอกฉีดยาที่แพทย์จ่ายให้ ดูดน้ำเกลือที่อุ่นได้ที่แล้วในปริมาณน้อยๆก่อนเช่น ประมาณ 10-15 ซีซี ในผู้ใหญ่  หรือประมาณ 5 ซีซี ในเด็ก

4.  ผู้ที่จะล้างจมูกควรนั่งโน้มตัวไปข้างหน้า และก้มหน้าเล็กน้อย อยู่เหนือภาชนะรองรับน้ำเกลือหลังจากที่ล้างแล้ว   ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ หรืออยู่เหนืออ่างล้างหน้า ควรเริ่มล้างจมูกข้างที่โล่งกว่า หรือ คัดน้อยกว่าก่อน

5. ควรนำปลายของลูกยางแดง หรือปลายกระบอกฉีดยา ใส่เข้าไปในจมูกข้างที่จะล้างเล็กน้อย อ้าปากไว้ แล้วหายใจเข้าเต็มที่ และกลั้นหายใจไว้

6.  บีบลูกยางแดง หรือดันกระบอกสูบของกระบอกฉีดยา เบาๆ ให้น้ำเกลือไหลเข้าไปในจมูกช้าๆ  หลังจากที่น้ำเกลือส่วนใหญ่ไหลออกมาจากจมูก และ / หรือ ปากแล้ว  ให้หายใจตามปกติได้   ข้อสำคัญคือ ระหว่างที่น้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูก จะต้องกลั้นหายใจไว้ มิฉะนั้นอาจหายใจเอาน้ำเกลือลงไปยังกล่องเสียงและหลอดลมทำให้เกิดการสำลักได้

บทความโดย Luxury Society Asia

7.  หลังจากที่คุ้นเคยกับการล้างจมูก และรู้จังหวะของการหายใจแล้ว จึงค่อยๆเพิ่มปริมาณของน้ำเกลือในการล้างแต่ละครั้งขึ้นเรื่อยๆ    การล้างจมูกให้ได้ประสิทธิภาพในการชำระล้างโพรงจมูกให้สะอาดนั้น  ควรจะดันน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูกทุกทิศทาง เช่น ทางขวา ซ้าย ด้านบนและล่างของโพรงจมูก   เพื่อชะล้างน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกในโพรงจมูกออกได้ทั่วทั้งโพรงจมูก และออกมากที่สุดเท่าที่จะมากได้       หลังจากฉีดล้างโพรงจมูกข้างใดข้างหนึ่ง  ควรจะมีน้ำเกลือไหลออกจากโพรงจมูกอีกข้าง  ถึงจะเป็นการล้างที่ถูกต้องคือ มีปริมาณของน้ำเกลือที่ใช้ล้างในแต่ละครั้ง และมีความแรงของน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปเพียงพอ   ควรล้างโพรงจมูกสลับข้างไปเรื่อยๆ เช่น หลังล้างข้างซ้าย ก็ควรย้ายไปล้างข้างขวา  แล้วสลับกันไปมา

8.  การล้างจมูกแต่ละครั้งนั้น ควรล้างจนกว่าจะรู้สึกว่าจมูกโล่ง  ไม่มีน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกอะไรคั่งค้างในจมูก และควรล้างจนกว่าน้ำเกลือที่ออกมาจากจมูกและปาก จะใสเหมือนกับน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปในโพรงจมูก จึงจะหยุดการล้างได้

9.  หลังจากล้างเสร็จ สามารถสั่งน้ำมูก หรือน้ำเกลือที่คั่งค้างอยู่ในโพรงจมูก  และบ้วนน้ำเกลือและน้ำมูกส่วนที่ไหลลงคอรวมทั้งเสมหะในคอออกมาได้   การล้างจมูกอย่างถูกต้องบ่อยๆ จะไม่เกิดโทษ หรืออันตรายต่อจมูก หรือร่างกาย   ในทางตรงกันข้าม จะมีประโยชน์โดยช่วยล้างน้ำมูก  สิ่งสกปรกที่คั่งค้างอยู่ในโพรงจมูกออก    ดังนั้นในช่วงวันหยุด ถ้าล้างเพิ่มได้ ก็ควรจะทำ    ควรล้างจมูกก่อนการอบจมูกด้วยไอน้ำเดือด หรือการพ่นยาในจมูกเสมอ   แนะนำให้ล้างจมูกก่อนเวลารับประทานอาหาร (ขณะท้องว่าง) หรือหลังรับประทานอาหารแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไปเพื่อป้องกันการอาเจียนหรือสำลัก

10.  หลังล้างจมูกเสร็จทุกครั้ง  ควรล้างอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูกให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ หรือ น้ำยาล้างจาน แล้วล้างด้วยน้ำประปาจนสะอาด (ในกรณีที่ใช้ลูกยางแดงหรือกระบอกฉีดยาที่ทำจากแก้ว  หลังจากล้างแล้วควรนำมาต้มกับน้ำเดือด ประมาณ 5 นาที) แล้วผึ่งให้แห้ง

Cr. บทความโดย  รศ.นพ.ปารยะ   อาศนะเสน ภาควิชาโสต  นาสิก  ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  

 

บทความโดย Luxury Society Asia


Similar Posts