ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน)
บมจ.ซันสวีทปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์ดันยอดส่งออกข้าวโพดหวานต่างประเทศ เดินหน้าเครื่องจักรใหม่ขยายกำลังผลิต เตรียมจ่ายปันผลเพิ่มอีก 0.05 บาท/หุ้น รวมปันผลทั้งปี 0.10 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย 17 พ.ค. 62 ตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อนไม่น้อยกว่า15%
ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน ภายใต้ตราสินค้า KC เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2562 บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรสำหรับสายการผลิตข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง (Canned) และ ประเภทบรรจุถุงสุญญากาศ (Pouch) รวมถึงติดตั้งเครื่องจักรเพื่อขยายสายการผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็ง (Frozen) แล้วเสร็จพร้อมดำเนินการผลิตเต็มศักยภาพ ส่งผลให้ผลิต ข้าวโพดหวานทั้งปีได้เพิ่มขึ้น 10-15% หรือประมาณ 150,000 ตัน ซึ่งเพิ่มจากยอดกำลังการผลิตของปีก่อนที่ 128,000 ตัน โดยแบ่งเป็นสัดส่วนการผลิตข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องอยู่ที่ 60% ข้าวโพดหวานประเภทบรรจุถุงสุญญากาศ 15% และเพิ่มผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแช่แข็งเป็น 25% จากการผลิตทั้งหมด
ปัจจุบันบริษัทยังคงสัดส่วนตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 80% ของการขายทั้งหมด เน้นกลุ่มลูกค้าประเทศที่นิยมบริโภคผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน อาทิ ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และ กลุ่มทวีปยุโรป รวมไปถึงการเปิดตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งใช้วิธีการนำผลิตภัณฑ์ออกงานแสดงสินค้าต่างๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และ สร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ให้เพิ่มขึ้น ที่เหลืออีก 20% เป็นสัดส่วนการขายในประเทศที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายไปร้านสะดวกซื้อต่างๆ โดยคาดว่ายอดขายทั้งหมดจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 15% จากปี2561
“จากการที่นำผลิตภัณฑ์ออกงานแสดงสินค้าในช่วงปีที่ผ่านมา เราได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปีนี้บริษัทมีแผนดำเนินการปรับสัดส่วนและขยายกำลังการผลิตมากขึ้น นอกจากนี้เรายังมีการทำ Forward Contract ให้เป็นมาตรฐานของบริษัทเพื่อบริหารความเสี่ยงในเรื่องค่าเงิน และถึงแม้ว่าบริษัทจะประสบกับความเปลี่ยนแปลงของค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นก็ตาม แต่หากพิจารณาถึงยอดปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ก็เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”
สำหรับที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่1/2562 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราเพิ่มหุ้นละ 0.05 บาท เป็นเงิน 21.5 ล้านบาทจากที่ได้ปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.05บาท รวมเป็นหุ้นละ0.10 บาท เป็นเงินจำนวน 43 ล้านบาทคิดเป็น 79.98% ของกำไรสุทธิปี 2561 โดยเงินปันผลดังกล่าวจ่ายจากกำไรสุทธิที่ได้รับยกเว้นสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (RecordDate) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 ก่อนนำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อกำหนดจ่ายในวันที่ 22 เมษายน 2562
ในส่วนผลประกอบการปี2561 บริษัทมีรายได้เท่ากับ 1,838.4 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 56.4 ล้านบาท หรือ ลดลง 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสภาวะอัตราค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและมีรายได้ต่อหน่วยที่ลดลงเล็กน้อย ส่งผลต่อการรับรู้รายได้ กำไรขั้นต้น และอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ลดลง