สาเหตุปัญหาเรื่องตาของคนยุค 2022 …พร้อมวิธีดูแลรักษาดวงตาทำตามง่าย


ทุกวันนี้เราอยู่ในยุค2022 ที่ไม่ว่าจะกินข้าว ทำงานหน้าจอคอมฯ ดูหนัง เล่นTiktok ก็ต่างต้องจ้องมองอุปกรณ์ดิจิทัล หรือ แสงธรรมชาติ และมันสามารถทำร้ายดวงตาเราได้เช่นกัน โดยเฉพาะแสงสีน้ำเงินที่ในปัจจุบันมีการตื่นตัวกันอย่างกว้างขวาง เพราะงานศึกษาหลายชิ้นระบุว่าผู้คนกว่า 68% มีอาการอ่อนล้าทางสายตาเพราะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานานหลายชั่วโมงต่อวัน และมีความเสี่ยงต่อภาวะจอประสามตาเสื่อมจากแสงสีน้ำเงินอมม่วง อีกทั้งยังทำให้เกิดอาการตาแห้ง ปวดกระบอกตา และบางรายอาจมีอาการมองเห็นภาพเบลอร่วมด้วย

ดังนั้นหากเราไม่อยากมีปัญหาเรื่องดวงตา จึงจำเป็นต้องได้รับการใช้งานอย่างทะนุถนอมและป้องกันแต่เนิ่นๆ โดยมีวิธีง่ายๆ แนะนำทุกท่านดังนี้

วิธีการปกป้องดวงตา

กิจกรรมในพื้นที่ร่ม
เมื่ออยู่ในอาคาร สิ่งที่พึงระวังคือแสงสีน้ำเงินอมม่วงจากการทำงานหน้าจอดิจิทัลเป็นเวลานาน คุณจึงควรเลือกเลนส์แว่นตาที่สามารถปกป้องดวงตาจาก “แสงร้าย” เลือกกรองเฉพาะช่วงแสงสีน้ำเงินอมม่วงจากอุปกรณ์ดิจิทัลและหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่เป็นอันตราย ในขณะที่ให้ “แสงดี” สีน้ำเงินอมเขียวที่ช่วยปรับอารมณ์ และทำให้ร่างกายตื่นตัว แอ็กทีฟ ผ่านเข้าสู่ดวงตาได้

กิจกรรมแอคทีฟทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง
การใช้เลนส์ที่เปลี่ยนสีตามสภาวะแสงโดยอัตโนมัติคือคำตอบของทุกไลฟ์สไตล์ เพราะเมื่อออกสู่กลางแจ้ง สีของเลนส์จะเข้มขึ้น และเมื่ออยู่ในอาคารเลนส์จะใสแต่ยังคงคุณสมบัติการป้องกันรังสียูวีได้ 100% พร้อมตัดแสงสีน้ำเงินเอาไว้ ทำให้มีความสบายตาตลอดทั้งวัน และใช้งานได้อย่างสะดวกสบายครบจบในเลนส์เดียว ปกป้องดวงตาได้ตลอดเวลาทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง ช่วยให้คุณทำกิจกรรมได้คล่องตัวยิ่งกว่าเพราะไม่ต้องพกแว่นตาหลายอันให้ยุ่งยากและสิ้นเปลือง

กิจกรรมท้าแสงกลางแจ้งหรือแดดจัด
ควรสวมแว่นกันแดดหรือใช้เลนส์โพลาไรซ์เพื่อตัดแสงจ้าและแสงสะท้อนจากวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นผิวถนน เงากระจก หรือผิวสะท้อนอื่น ๆ เปรียบเสมือนติดเกราะป้องกันดวงตา เสริมการมองเห็นให้คมชัดและสบายตามากยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณหมดกังวลกับแสงรอบตัวที่อาจทำร้ายดวงตาขณะทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งในขณะขับรถ เล่นกีฬา เดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ

สำหรับผู้ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรืออ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรพักสายตาด้วยกฎ 20-20-20 โดยหยุดพักสายตาเป็นเวลา 20 วินาที ทุก ๆ 20 นาที ด้วยการมองไกลออกไป 20 ฟุต ซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อตาได้ผ่อนคลาย และเป็นการกระตุ้นให้เรากระพริบตาเพื่อเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงในดวงตาของเราอีกด้วย 

“วันสายตาโลก” World Sight Day อย่าให้วันสายตาโลกเป็นเพียงหนึ่งวันของการดูแลรักษาดวงตา เพราะสุขภาพดวงตาป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจในทุกวัน และควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำทุกปี

Cr. กลุ่มบริษัทเอสซีลอร์


Similar Posts