สปาหอยทาก แพทย์เตือนระวังติดเชื้อ


สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยเตือนคนไทย ให้เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเหมาะสม หลังจากมีกระแสสังคม ทั้งในเรื่องการใช้สปาหอยทากมาทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อช่วยบำรุงผิวให้สวยเด้ง สดใสไร้ริ้วรอย หรือกระแสทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการนำเบกกิ้งโซดามาทาบริเวณใบหน้าเพื่อกระชับรูขุมขน เผยมีวิธีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่เหมาะสมกับผิวให้เลือกมากมายหลายรูปแบบที่ปลอดภัยมากกว่า

รศ.นพ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าในปัจจุบันปัญหาผิวพรรณบนใบหน้าเป็นปัญหาสารพันของคนทั่วไป ที่หันมาใส่ใจดูแลผิวหน้าของตนเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีผิวแห้ง ผิวมัน ผิวมีสี ผิวตกกระเป็นสิวเป็นฝ้า หน้าไม่เรียบ ปัญหาทั้งหมดที่เกี่ยวกับผิวนี้ ทำให้คลินิกสถานเสริมความงามต่าง ๆ มีการนำวิธีการใหม่ๆ หรือศาสตร์ทางเลือกแปลก ๆ นำมาให้บริการอยู่อย่างต่อเนื่อง ในกรณีของสปาหอยทาก ในช่วงนี้มีการนำมาให้บริการตามสถานเสริมความงาม รวมถึงมีดารา นักแสดงและศิลปิน มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ต้องระวังคือความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การแพ้และการอักเสบต่อผิวหนัง หากตัวหอยทากไม่สะอาด มีพยาธิและในกรณีที่ผิวหนังมีแผลเป็นควรหลีกเลี่ยงการทำ เพราะยิ่งง่ายต่อการติดเชื้อมากขึ้น อีกทั้งการนำหอยทากมาใช้ซ้ำซ้อนกับคนหลายคน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อโรคจากคนสู่คนด้วย ดังนั้นสถานบริการที่เปิดบริการต้องมีกระบวนการและมาตรฐานที่สะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ

อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของเบกกิ้งโซดาหรือโซเดียมไบคาร์บอเนตทาบริเวณใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพื่อกระชับรูขุมขนนั้น เป็นกระแสทางสังคมของวงการโซเชียลมีเดีย ทางสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย จึงขอฝากเตือนว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะรูขุมขนบนใบหน้าเป็นลักษณะโครงสร้างถาวรไม่มีอะไรช่วยลดได้ แม้แต่การทายาก็เป็นเพียงการช่วยระงับชั่วคราวหรือปกปิดเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างของต่อมในคนได้ นอกจากนี้การใช้เบกกิ้งโซดา ยังอาจจะทำให้ใบหน้าเกิดอาการแพ้ได้อีกด้วย โดยในรายที่แพ้จะทำให้เกิดรอยผื่นแดงคันหรือทำให้ผิวหน้าเกิดอาการแพ้เกิดผื่นกระดำกระด่างเป็นรอยดำได้เหมือนกับการแพ้และระคายเครื่องสำอาง ดังนั้นจึงไม่ควรใช้เบกกิ้งโซดาล้างหน้าโดยเด็ดขาด

รศ.นพ.นภดล กล่าวว่า การที่จะนำสิ่งใดก็ตามมาใช้กับผิวหนัง หากเป็นเครื่องสำอางก็ต้องผ่านการวิจัยและรองรับมาตรฐาน รวมถึงผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้วว่าไม่ทำให้เกิดการแพ้ เพราะการที่นำของที่ผิด ๆ ไม่ผ่านการรองรับมาใช้จะทำให้เกิดผลเสียมากกว่า และยังไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่เหมาะสมกับผิวให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ ตั้งแต่ สบู่ก้อน สบู่เหลว โฟมล้างหน้า เจล น้ำมัน ครีม หรือน้ำมันที่กลายสภาพเป็นครีมเมื่อถูกน้ำ คำถามใหญ่ก็คือว่าแล้วเราจะเลือกใช้ชนิดไหนให้เหมาะกับผิวมากที่สุด เมื่อตอนเด็ก ๆ เราใช้น้ำเปล่าล้างหน้าทุกวันไม่เห็นปัญหา และผู้ใหญ่ก็ชอบบอกว่าให้ใช้น้ำเปล่าหน้าจะได้ไม่เสีย แต่ตามข้อเท็จจริง เมื่อเราโตขึ้นเริ่มก้าวสู่วัยรุ่น ต่อมไขมันจะทำงานมากขึ้น ความมันบนใบหน้า ฝุ่นละอองที่อุดตัน เชื้อแบคทีเรียที่สะสมทำให้เกิดสิวอุดตัน สิวหัวดำ หรือสิวอักเสบได้ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวพรรณที่ดีนั้นควรมีคุณสมบัติในการล้างสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง คราบเหงื่อไคลเชื้อโรค และเครื่องสำอาง ให้ออกมาละลายน้ำได้โดยที่ไม่ทำลายไขมันธรรมชาติที่ปกป้องผิวหนัง

– สบู่ก้อน เกิดจากการผสมของไขมันพืชหรือสัตว์กับด่างของโซเดียมหรือโปแตสเซียม โดยทั่วไปจะมีประจุลบและมีความเป็นด่าง มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดและการเกิดฟองดีมากแต่เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการชะล้างความมันได้ดี จึงอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังได้ หลังล้างหน้าด้วยสบู่ก้อนจะทำให้ผิวหนังมีความเป็นด่างมาก ทำให้แบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวเจริญเติบโตได้ดี ดังนั้นสบู่ชนิดนี้จึงเหมาะกับผิวปกติ แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่ผิวบอบบางและมีการระคายง่าย และไม่ควรใช้สบู่ก้อนที่ถูตัวมาล้างหน้าแบบ All-in-one เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้

– สบู่สังเคราะห์ หรือที่เรียกว่า Syndet หรือ Soapless Soap โดยอาจจะอยู่ในรูปสบู่ก้อน สบู่เหลว โฟม เจล ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดนี้สามารถปรับความเป็นกรดด่างให้เท่ากับผิวหนังได้ และอาจจะใส่สารที่ทำให้เกิดความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ปัจจุบันจึงนิยมใช้กลุ่มนี้มาก สารทำความสะอาดที่ใช้มีคุณสมบัติช่วยทำให้คราบไขมันสิ่งสกปรกบนผิวละลายมาอยู่ในสบู่สังเคราะห์และล้างโดยน้ำได้ โดยรวมเรียกสารเหล่านี้ว่า surfactant มีหลายประเภท ทั้งที่มีประจุบวกประจุลบ ไม่มีประจุและที่มีทั้งประจุบวก และประจุลบ เป็นลูกเล่นที่กลายเป็นความแตกต่างที่ใช้ในการโฆษณาได้ สารทำความสะอาดที่มีประจุจะทำความสะอาดได้ดีกว่าสารที่ไม่มีประจุแต่ทำให้เกิดการระคายเคืองมากกว่า และการเกิดฟองของสารที่ไม่มีประจุน้อยกว่า การจะเลือกใช้ขึ้นกับชนิดผิวของแต่ละคน

– โลชั่นเช็ดหน้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ Astringent,Clarifying lotion, Toner ใช้เช็ดหลังจากการล้างหน้า อาจมีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์เพื่อเช็ดความมันบนใบหน้าและให้ความรู้สึกว่าหน้าตึง กระชับรูขุมขน หรือใช้ในผู้ที่มีสิวง่าย

– ครีมเช็ดหน้า (Cleansing cream หรือ oil) เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง แพ้ง่าย ใช้เช็ดเครื่องสำอางทำให้เช็ดออกได้ง่าย เพราะเครื่องสำอางส่วนใหญ่สามารถละลายในน้ำมันได้ดี

– สครับ (Scrub) ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จะใส่เม็ดหยาบ ๆ เพื่อไปขัดเอาเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออก ทำให้ผิวหน้าดูสะอาดขึ้น บางครั้งก็จะโฆษณาว่าเป็นการขัดผิวเทียบเท่าที่แพทย์ทำตามคลินิก แต่จริง ๆเป็นแค่ผิวนอกไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในแบบที่เครื่องมือแพทย์สามารถทำได้ ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ไม่ควรใช้บ่อยเพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย

– ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไร้ไขมัน (Lipid Free Cleanser) สามารถทำความสะอาดผิวหนังโดยไม่มีสบู่ และไขมัน สามารถใช้ทำความสะอาดผิวหนังที่แห้งได้โดยไม่ต้องใช้น้ำช่วยหลังจากเช็ดแล้วจะทิ้งฟิล์มให้ความชุ่มชื้นไว้

เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสามารถล้างไขมันบนผิวหนังได้ แต่หากใช้ชนิดที่มีความเป็นกรด-ด่างสูง ใช้บ่อยเกินไปหรือเลือกใช้ไม่เหมาะกับสภาพผิว จะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ในระยะแรกจะรู้สึกว่า ผิวแห้ง ตึง มีรอยย่น ในรายที่เป็นมากอาจพบมีผื่นแดง แตก เป็นขุย จนถึงเกิดผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจะใส่สารต่าง ๆ เพื่อปรุงแต่งให้น่าใช้ มีอายุการใช้งานที่นาน เช่น น้ำหอม สารกันบูด ยาฆ่าเชื้อ สี ซึ่งล้วนแต่ทำให้เกิดการแพ้ได้ จะเห็นได้ว่าแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ แค่การล้างหน้าก็กลายเป็นกุญแจสำคัญของผิวที่มีสุขภาพดีได้


Similar Posts