พรีวิวโอเดอมาร์ ปิเกต์ คอลเลคชั่น


ใครที่เป็นแฟนนาฬิกาหรูแน่นอนชื่อโอเดอมาร์ พิเกต์เป็นแบรนด์อันดับต้นๆที่ใครๆก็นึกถึง ส่วนใครที่ยังไม่เคยซื้อแบรนด์นี้เราลองมาดูกันนะค่ะว่าทำไมใครๆก็อยากมีครอบครอง โอเดอมาร์ ปิเกต์ (AUDEMARS PIGUET) เปิดตัวคอลเลคชั่นไฮไลท์ประจำปี 2017ในไทยส่งตรงจากงาน Haute Horlogerie Genève 2017 คุยแบบเจาะลึกกับ20เรือน ราคารวมเบาๆ 35 ล้านบาท วันนี้เราได้มีโอกาสได้คุยอัพเดจกับ มร.แอนโทนิโอ ซีเวิร์ด ผู้จัดการทั่วไป โอเดอมาร์ ปิเกต์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

และได้มีโอกาศยลโฉม คอลเลคชั่น ด้วยความเป็นไลฟ์สไตล์ไอคอนที่เปี่ยมด้วยความคลาสสิค เรียบหรู เราแอบถามมาว่ามีเรือนไหนแนะนำที่เหมาะสำหรับหน้าร้อนนี้ คุณแอนโทนิโอบอกว่าต้องรุ่นนี้เลย

รอยัล โอ๊ค เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ (ROYAL OAK PERPETUAL CALENDAR)

ผลงานอันทรงคุณค่าที่ผสานสุนทรียศาสตร์ร่วมสมัยและความซับซ้อนของกลไกแบบดั้งเดิมไว้อย่างยอดเยี่ยมจนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของแบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงแห่ง วัลเลย์ เดอ ฌูซ์ (VALLÉE DE JOUX) ปี 1955 โอเดอมาร์ ปิเกต์ ออกสตาร์ทสู่การเดินทางครั้งสำคัญด้วยการนำระบบปฏิทินถาวร หรือ เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ พร้อมส่วนแสดงปีอธิกสุรทินมาสู่นาฬิกาข้อมือเป็นครั้งแรก ความคลาสสิคเหนือกาลเวลาบนดีไซน์ตัวเรือนสีทอง 18 กะรัต ที่จำกัดการผลิตเพียง 9 เรือนเท่านั้น 

มาในปีนี้ โอเดอมาร์ ปิเกต์ สานต่อความท้าทายไปอีกขั้นกับ รอยัล โอ๊ค เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ 2017 ความสง่างามเต็มรูปแบบใน  เวอร์ชั่นตัวเรือนและสายสีดำ ผลิตจากแบล็ค เซรามิค (BLACK CERAMIC) วัสดุชั้นเลิศที่ทนทานต่ออุณหภูมิสูงและสภาวะการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วได้อย่างไร้ที่ติ ใช้เวลาค้นคว้าและพัฒนาโดยทีมช่างผู้ชำนาญการกว่า 600 ชั่วโมง ก่อนรังสรรค์อย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอนอีกกว่า 30 ชั่วโมงด้วยมือ บททดสอบสุดขั้วที่ต้องอาศัยทั้งทักษะชั้นสูงและความมุมานะมากกว่าการประดิษฐ์เรือนเวลา สแตนเลส สตีลถึง 5 เท่า สะท้อนถึงจิตวิญญาณที่ไม่หยุดนิ่งของ          โอเดอมาร์ ปิเกต์ ได้อย่างน่าชื่นชม

โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นปฏิทินถาวรบนดีไซน์พื้นหน้าปัดสีเทาในลวดลายกรองด์ ตาปิสเซอรี่ (GRANDE TAPISSERIE) แสดงวัน, วันที่ และเดือนผ่านหน้าปัดย่อยสีเดียวกับตัวเรือน ดื่มด่ำมนต์เสน่ห์แห่งจันทรากับส่วนแสดงข้างขึ้น – ข้างแรม ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ที่ออกแบบให้รับกับท้องฟ้ายามรัตติกาลได้อย่างลงตัว ร่วมด้วยส่วนแสดงสัปดาห์บนวงแหวนด้านใน และไฮไลท์สำคัญอย่างส่วนแสดงเดือนพร้อมปีอธิกสุรทิน ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 5134 บรรจุในตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตร พร้อมด้วยกระจกฝาหลังแซฟไฟร์ที่เผยให้เห็นการทำงานของกลไกที่สลับซับซ้อนอย่างชัดเจน สำรองพลังงานได้ถึง 40 ชั่วโมง และกันน้ำลึกได้ 20 เมตร

รอยัล โอ๊ค ตูร์บิญอง เอ็กซ์ตรา ทิน โอเพ่นเวิร์ค (ROYAL OAK TOURBILLON EXTRA-THIN OPENWORKED)

โอเพ่นเวิร์คกิ้ง หรือ การฉลุแบบสเกเลตัน นับเป็นศาสตร์และศิลป์ชั้นสูง ที่เผยให้เห็นความล้ำเลิศของกลไกที่ซ่อนอยู่ภายใน จุดเริ่มต้นของสุนทรียศาสตร์แห่งความงามที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะอันเที่ยงตรงของกลไกอย่างแท้จริง

โอเดอมาร์ ปิเกต์ นับได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาสตร์แห่งโอเพ่นเวิร์คกิ้งมาตั้งแต่ยุค 1930s และตอกย้ำความสำเร็จผ่านผลงานระดับมาสเตอร์พีซของประดิษฐกรรมเวลาหลากหลายรุ่นมาเป็นเวลากว่า 80 ปี ในปี 2012 รอยัล โอ๊ค ตูร์บิญอง เอ็กซ์ตรา ทิน โอเพ่นเวิร์ค ได้ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในตัวเรือนแพลทินัม ซึ่งรังสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 40 ปี ของรุ่นรอยัล โอ๊ค ตามมาด้วยเวอร์ชั่นตัวเรือนทองคำในปี 2016 โดยยังคงหัวใจหลักในการรังสรรค์ทุกรายละเอียดด้วยการทำมือทุกขั้นตอนจวบจนปัจจุบัน เพื่อแสดงถึงศาสตร์แห่งจักรกลเวลาชั้นสูง

มาในปีนี้ โอเดอมาร์ ปิเกต์ ตอบรับกระแสความต้องการของเหล่านักสะสมงานศิลป์ทั่วโลกอีกครั้ง กับเรือนเวลา ลิมิเต็ด อิดิชั่น ในเวอร์ชั่นสแตนเลส สตีล ขนาด 41 มิลลิเมตร ที่ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเรือนรุ่นก่อนได้อย่างน่าค้นหา สะกดทุกสายตากับดีไซน์หน้าปัดสเกเลตันพร้อมกระจกฝาหลังแซฟไฟร์ ที่เผยให้เห็นความประณีตของกลไกไขลานคาลิเบอร์ 2924 ได้อย่างสวยงามไร้ที่ติ ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนรวม 216 ชิ้น เมนเพลทและบริดจ์เคลือบด้วยโรเดียมโทนสีเดียวกับตัวเรือน สำรองพลังงานได้นาน 70 ชั่วโมง ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 100 เรือน หรือเลือกเติมความอ่อนช้อยให้กับข้อมือกับเวอร์ชั่นพิ้งค์โกลด์ 18 กะรัต ที่ผลิตขึ้นเพียง 50 เรือนเท่านั้น สำหรับ รอยัล โอ๊ค ตูร์บิญอง เอ็กซ์ตรา ทิน โอเพ่นเวิร์ค รุ่นนี้นับเป็น 2 เวอร์ชั่นสุดท้าย ที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ จะผลิตขึ้นโดยใช้สเกเลตันดีไซน์เฉพาะตัวนี้ ก่อนนับถอยหลังสู่ความท้าทายบริบทใหม่ในอีกไม่ช้า

รอยัล โอ๊ค เอ็กซ์ตรา ทิน (ROYAL OAK EXTRA-THIN)

รอยัล โอ๊ค (ROYAL OAK) ไอคอนนิค วอชท์คอลเลคชั่นที่คงความคลาสสิคตลอดกาลและเปี่ยมด้วยดีไซน์อัน เป็นเอกลักษณ์ เปิดตัวครั้งแรกในปี 1972 กับเวอร์ชั่นตัวเรือนสแตนเลส สตีลที่พลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่แวดวงนาฬิกาชั้นสูงเพียงชั่วข้ามคืน ด้วยเรือนเวลาลักชัวรี่สปอร์ตเรือนแรกของโลก ตามมาด้วยการรังสรรค์เรือนเวลาในเวอร์ชั่นทองคำในปี 1977 ก่อนเดินทางสู่ปฐมบทแห่งความล้ำค่ากับการเป็นไอคอนนิคดีไซน์ระดับโลก

มาในปีนี้ โอเดอมาร์ ปิเกต์ ตอกย้ำความเรืองรองอันเจิดจรัสอีกครั้ง กับ รอยัล โอ๊ค เอ็กซ์ตรา ทิน บนตัวเรือน “จัมโบ้” ทองคำ 18 กะรัต ขนาด 39 มิลลิเมตร ซีรีย์ล่าสุดที่ผลิตขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปี ให้กับประดิษฐกรรมเวลาทองคำเรือนแรกของ รอยัล โอ๊ค มาบนพื้นหน้าปัดลวดลายแบบเปอตีท์ ตาปิสเซอรี่ (PETITE TAPISSERIE) มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่นคือ สีน้ำเงินสุดคลาสสิค หรือสีทองวินเทจลุคเดียวกับตัวเรือน โดดเด่นด้วยกลไกอัตโนมัติแบบบางพิเศษ คาลิเบอร์ 2121 ซึ่งมีความหนาเพียง 3.05 มิลลิเมตร ผลลัพธ์แห่งความทุ่มเทที่คงความเลอค่าจวบจนปัจจุบัน ถ่ายทอดสุนทรียศาสตร์ของเรือนเวลาต้นตำรับสู่ความเรืองรองครั้งใหม่ได้อย่างลงตัว กันน้ำลึกได้ 50เมตร สำรองพลังงานนาน 40 ชั่วโมง ปิดท้ายความคลาสสิคด้วยสายและเข็มบอกเวลาทองคำเช่นเดียวกับตัวเรือน 

สำหรับประเทศไทย โอเดอมาร์ ปิเกต์ บูติค มีแห่งเดียวตั้งอยู่ที่ชั้นจี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี หากใครสนใจ อยากสอบถามราคา โทร. 02-160-5838


Similar Posts