ประวัติปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กับกับคนดังของไทย


ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว จากอำนวยการสร้างและผู้กับกับหนังทำเงินคนดัง จากหนังเรื่อง ปอบหวีดสยอง (2544) 7 ประจัญบาน (2545) สยิว (2546) เฮี้ยน (2546) FAKE โกหกทั้งเพ (2546) องค์บาก (2546) คน ผี ปีศาจ (2547) เกิดมาลุย (2547)เฉิ่ม (2548) ต้มยำกุ้ง (2548) สวยลากไส้ (2550) โอปปาติก เกิดอมตะ (2550) รักแห่งสยาม (2550) ช็อคโกแลต (2551) นาค (2551) องค์บาก 2 (2551) มาจนหนังเรื่องล่าสุด น้ำตาลเแดง 

พูดคุยกับ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ในฐานะที่ปรึกษาของโปรเจ็คต์ “น้ำตาลแดง” ความร้อนแรงที่แสนท้าทายเมื่อ 6 คนทำหนังรุ่นใหม่ทำหนังอีโรติกที่พูดเรื่อง “เซ็กส์”

Q.อยากให้พี่ปรัชเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของการเกิดโปรเจ็คต์อีโรติกอย่าง “น้ำตาลแดง”

P.ก็เริ่มจากพวกกลุ่มเด็กๆน้องๆนักศึกษาที่รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว ได้มานั่งคุยกันเรื่องจะทำหนัง มีการแชร์ไอเดียกันโดยมีการเสนอไอเดียว่าถ้าจะทำหนังอีโรติกน่าสนใจไหม พี่ก็เลยบอกไปว่าถ้าจะทำหนังอีโรติกมันน่าสนใจดีนะสำหรับหนังใหญ่ฉายโรงด้วย แต่ด้วยการที่พวกน้องๆเองมีประสบการณ์การทำหนังสั้นกันมาก่อน ก็เลยบอกไปว่าทำเป็นหนังสั้นไปเลยซิเป็นตอนๆไป ในแนวอีโรติก ซึ่งจริงๆแล้วคำว่าอีโรติก ส่วนตัวพี่เองสนใจมาตั้งนานแล้วว่า ประเทศไทยเราน่าจะมีหนังประเภทนี้สักทีหนึ่ง หลังจากที่เรามีพรบ.เรื่องเรทติ้งด้วยแล้ว เราลองมาพูดกันจริงๆสักทีหนึ่งว่าหนังอีโรติก จริงๆแล้วมันคืออะไร ไม่ใช่มองเป็นหนังขยะ ไม่ใช่มองเป็นสิ่งสกปรกอะไรอย่างนี้นะ ก็เลยคิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้ว ที่เป็นหน้าที่ของคนทำหนังที่จะต้องมานั่งคุยกันต้องให้ความรู้กับคนดูด้วยว่าหนังปะเภทนี้คืออะไร เป็นศิลปะ มันเป็นยังไง ก็เลยสนใจหนังประเภทนี้ก็เลยกะว่าจะทำกัน ตอนแรกมีผู้กำกับมากกว่านี้อีก แต่ก็มาลงตัวที่ 6 คน เพราะฉะนั้นถ้าทำ 6 คนๆละตอนมันก็สั้นไป ก็เลยแบ่งเป็นสองภาคเลย เพียงแต่ว่านั่นแหละไม่พูดเรื่องงบ ก็เลยเอามาคุยกับเสี่ยเจียง เสี่ยเจียงก็สนใจก็เลยทำ ที่นี้คราวนี้พี่ไม่เอาเข้าบาแรมยูนะเพราะว่าตอนนี้เขามีความเข้มเรื่องบทมาก แล้วพี่อยากให้บทมันดิบๆอยากให้แสดงถึงความต้องการของเด็กๆให้มากๆ เพราะพวกเขาเรียนหนังกันมา อีกอย่างหนึ่งตอนนี้เท่าที่พี่ทราบ ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ที่พี่ได้ไปสัมผัสมาคือ มีเด็กที่เรียนทำหนังเยอะแล้วก็จบมาทุกปี แต่มันเข้ามาทำงานไม่ได้ ก็เลยคิดว่าอยากให้พวกนี้ได้มีโอกาสเข้ามา สังคมจะได้เปิดรับพวกรุ่นใหม่ๆบ้าง

Q.มองว่าโปรเจ็คต์หนังในแนวทางของอีโรติกมันมีความท้าทายอย่างไรบ้าง

P.มันท้าทายตรงที่ว่าสังคมเราเนี่ยะที่ผ่านมามักจะมีทรรศนะต่อหนังแนวนี้ไม่ค่อยดีนัก อาจจะเกิดจากความไม่เข้าใจหรือจากประสบการณ์ที่เขาอาจจะยังมองไม่ขาด แล้วก็บวกกับสมัยก่อนกฎหมายของภาพยนตร์เรายังปิดกั้น หนังแนวอีโรติกของต่างประเทศมันเลยยังไม่ได้เข้ามา มันเข้ามาแต่หนังที่มีแต่ฉากโป๊ผสมเท่านั้นเอง หนังแนวอีโรติกก็เลยไม่ชัดเจนในสังคมเรา ก็เลยคิดว่ามันท้าทายต่อทรรศนะในสังคมเรา ผมคิดว่า ด้วยความท้าทายตรงนี้มันเลยกลายเป็นว่าการลงมาทำโปรเจ็คต์นี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ มากกว่าการที่จะมองว่าเป็นการทำหนังที่มีฉากหวือหวา คือเรายกตัวอย่างหนังบางเรื่องที่เน้นขายฉากโป๊นะ คนก็จะไปดูทีก็เป็นเรื่องใหญ่ เฮ้ยมึงกล้าไปดูมั้ย คนก็อายไง พี่เลยอยากจะบอกจากการเกิดขึ้นของโปรเจ็คต์หนังเรื่องนี้ว่ามันเป็นศิลปะอย่างไร แล้วก็ให้คนกล้าที่จะไปตีตั๋วดู

Q.ในมุมมองของคนทำหนัง มองว่า โปรเจคต์อย่าง “น้ำตาลแดง” มีความน่าสนใจตรงไหนอย่างไร

P.ข้อ 1 คือแนวหนัง 2 คือตัวนักแสดง แต่ตัวผู้กำกับพี่ว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนอยากเข้ามาดู คนก็จะรู้สึกเฉยๆกับหนังของผู้กำกับหลายคน หรือว่าหนังเป็นตอนๆ เพราะคนก็เคยเห็นมาเยอะแล้ว ก็คิดว่าน่าจะเป็นเนี่ยแหละแนวหนังที่เป็นแนวอีโรติก แล้วก็นักแสดงที่เรารู้จักกันดีแต่ยังไม่เคยเห็นเล่นหนังแนวนี้ ก็เลยคิดว่าน่าสนใจ

Q.มั่นใจในตัวงานที่สะท้อนผ่านผู้กำกับและนักแสดงที่จะมาเป็นผู้ถ่ายทอดความท้าทายครั้งนี้อย่างไรบ้าง

P.ก็โดยส่วนตัวแล้วพี่มั่นใจมากกับผู้กำกับทั้ง 6 คน เพราะว่าตอนที่นัดเขาเข้ามาคุยกันจริงจัง แล้วพี่ก็แบบเหมือนเทสต์ดูว่าคุณมาด้วยใจ แล้วอยากทำหนังแบบนี้จริงๆรึเปล่าว เพราะว่าบางคนอาจจะมีทรรศนะไม่ดีกับหนังแนวนี้ด้วยซ้ำ หรือว่าทำเพราะเพื่อที่จะได้มีโอกาสทำ ซึ่งพี่ก็นั่งคุยว่าอีโรติกในแบบของคุณคืออะไร ซึ่งทุกคนก็รู้ ก็เข้าใจ แล้วทุกคนก็เต็มใจที่จะเล่นกับมัน พี่ก็เลยสบายใจ เพราะนั่นคือหน้าที่ของผู้กำกับ ข้อ 2 คือตรงนักแสดงซึ่งยอมรับว่ายากมากๆ จะว่าไปอุปสรรคที่ยากที่สุดก็คือนักแสดงที่จะเชิญมาเล่นหนังแนวนี้ อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลยนะผู้ชายก็ด้วย บางคนเอาจริงๆแล้วไม่กล้าไง บางคนอาจจะติดที่ทรรศนะด้วยว่าเอ๊ะ จะดูดีมั้ย พ่อแม่จะว่ามั้ย สังคมจะว่ามั้ย แต่ก็มีเยอะที่เข้าใจ แต่คราวนี้พี่อยากได้นักแสดงที่คือถ้าเป็นหน้าใหม่เลยเนี่ยะหาไม่ยากนะ แต่ถ้าเป็นดาราที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วมีเครดิตอยู่แล้วเนี่ยะ บางคนเขาก็จะกลัวกระทบกระเทือนเครดิตเขา เพราะฉะนั้นเท่าที่คุยมามีบางคนที่น่าสนใจมากแต่ไม่ได้อยู่ในหนังเพราะด้วยเหตุผลต่างๆ แต่เท่าที่ได้มาพี่ก็ชื่นชมอย่างน้องอุ้มลักขณา เราก็เห็นเขาเล่นหนังแบบนี้มาบ้างนะ แต่เหมือนเขาเก็บประสบการณ์มาแล้วก็มาปล่อยเต็มที่ที่เรื่องนี้ พอพี่ดูหนังเขาพี่รู้สึกประทับใจเขามากๆเลย แบบว่ารู้สึกชื่นชมเขาเลยนะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นหนังสั้นก็ตาม แต่ดูแล้วแบบพี่เชื่อว่าเขาทำอาชีพนั้น มันชื่อเรื่องปรารถนาพี่ดูแล้วเห็นว่าเขาส่งความปรารถนานั้นมาจริงๆ ส่วนน้องปรางทองนี่แบบเจ๋งมากๆเลย พอตอนเขาคุยกำผู้กำกับพอเขาเห็นสตอรี่บอร์ดแล้วเขาบอกว่าพี่หนูได้เลย หนูก็เรียนศิลปะหนูรู้ว่านี่เป็นงาน แล้วปรางทองเค้าก็เล่นแบบเต็มที่จริงๆถ้าใครได้ดูก็ต้องยอมรับเขา

Q.ในกระบวนการทำงานในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาของผู้กำกับหน้าใหม่ทั้ง 6 คนมีการให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง

P.ก็ประมาณหนึ่ง พี่ก็ดูหนังให้เขาหมดว่าเป็นยังไง พี่ก็บอกว่าใครเป็นยังไง ก็ให้แสดงความเป็นตัวตนออกมา อย่าไปเกร็ง ซึ่งเขาก็ส่งตัวคลิปมาให้ดู คือต้องบอกก่อนว่าจริงๆแล้วพี่ไม่ได้เข้าไปยุ่งหรือก้าวก่ายในตัวงานของเขา แต่จะคอยให้ข้อเสนอแนะ และปล่อยให้เขาได้ถ่ายทอดในสิ่งที่เขาต้องการจะบอกหรือนำเสนอออกมา คืออย่างบางคนอาจจะดูเกร็งไป อาจจะใส่อะไรเยอะไป พี่ก็ไม่ได้บอกให้เขาแก้นะ แต่พี่แนะนำว่าอาจจะเลือกเรื่องเปลี่ยนเรื่องเลยดีกว่า แล้วก็เล่าเรื่องแบบไม่ต้องเยอะ

Q.ถ้าให้ความหมาย “น้ำตาลแดง”ในมุมมองของพี่ปรัชคืออะไร

P.คือที่จริงมันมีความหมายของหนังเรื่องนี้มาก่อน ก็คือคำว่าอีโรติกนี่แหละ ซึ่งมันคือความรู้สึกปรารถนา ซึ่งมันก็โยงไปทางด้านเรื่องเซ็กซ์นี่แหละที่มีอยู่ทุกคน ส่วนน้ำตาลแดงก็เป็นชื่อที่ตั้งมาให้เป็น symbolic ของความหมาย เพราะฉะนั้นความหมายของน้ำตาลแดงก็คือรสชาติที่เราปรารถนา แต่การที่จะลิ้มรสชาตินี้ของแต่ละคนเนี่ยะไม่เหมือนกัน วิธีการในการลิ้มรสไม่เหมือนกัน แล้วรสชาติที่ลิ้มรสมาแล้วความรู้สึกที่เราตีความก็ไม่เหมือนกัน

Q.อันนี้พี่ปรัชหมายถึงในแง่ของเซ็กซ์หรือว่าในแง่ของหนังแต่ละตอน

P.ในแง่ของเซ็กส์ เพราะพี่ว่าทุกคนต้องมีน้ำตาลแดง ทุกคนจะต้องอยากกินน้ำตาลแดงหมด น้ำตาลแดงมันไม่เหมือนน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บที่เรากินก๋วยเตี๋ยวก็เจอน้ำตาลทราย แต่นานๆทีเราจะเจอน้ำตาลแดงสักทีหนึ่ง แล้วทุกครั้งที่เราจะกินมันเหมือนเราจะหยุดคิด เหมือนเราจะสนใจเป็นพิเศษ เราจะรู้สึกกับมันเป็นพิเศษอะไม่เหมือนน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลอ้อย เหมือนเราจะมีสุนทรีย์ในการลิ้มรสน้ำตาลแดง

ประวัติเพิ่มเติม

เกิดที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จบการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนสุขานารี ระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนบุญวัฒนา และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ที่คณะสถาปัตยกรรม สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

เริ่มเป็นผู้กำกับศิลป์ให้กับบริษัท แพคช๊อท ในปี พ.ศ. 2530 ในตำแหน่งอาร์ทไดเร็คเตอร์ และ ตำแหน่งครีเอทีฟ โดยเป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอที่บริษัทอาร์เอส โปรโมชั่น ได้รับรางวัลจากการประกวดอยู่หลายหน โดยเฉพาะได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ผู้กำกับมิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม 4 ครั้ง จากเพลงเก็บตะวัน ของอิทธิ พลางกูร เพลงลูกผู้ชาย ของฉัตรชัย เปล่งพานิช เพลงกระจกร้าว ของไฮร็อก และเพลงไวกว่าแสงของ หรั่ง ร็อคเคสตร้า

ปี พ.ศ. 2535 ได้เริ่มงานกำกับภาพยนตร์ภาพยนตร์เรื่องแรกคือ รองต๊ะแล่บแปล๊บ จากนั้นกำกับภาพยนตร์และอำนวยการสร้างภาพยนตร์อีกเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น เกิดอีกทีต้องมีเธอ, ปอบหวีดสยอง, มนต์เพลงลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม, 7 ประจัญบาน, FAKE โกหกทั้งเพ, เฮี้ยน, นายอโศกกับนางสาวเพลินจิต, คน ผี ปีศาจ, บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม, เอกซ์แมน แฟนพันธุ์เอกซ์, เกิดมาลุย, 7 ประจัญบาน 2, ฟอร์มาลีนแมน รักเธอเท่าฟ้า, เฉิ่ม, เสือร้องไห้, มนุษย์เหล็กไหล ฯลฯ และภาพยนตร์ที่สร้างชื่อคือ องค์บาก ต้มยำกุ้ง

และช็อคโกแลต ปี 2551 ภาพยนตร์เรื่อง ฝัน-หวาน-อาย-จูบ (4Romances) กำกับตอน”หวาน”

ต่อมาได้ลาออกจากบริษัทอาร์เอสฟิล์มเมื่อปี พ.ศ. 2540 มาเปิดบริษัทค่ายเพลงเมกเกอร์เฮด ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ปี พ.ศ. 2542 เปิดค่ายเพลงและภาพยนตร์บาแรมยู

ปี พ.ศ. 2552 ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

ปรัชญา ปิ่นแก้ว มีภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ คือ Jurassic Park ของสตีเวน สปีลเบิร์ก, Alien ของริดลีย์ สกอตต์ และTitanic ของเจมส์ คาเมรอน ขณะที่ภาพยนตร์ไทย คือ มือปืน ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล

ที่มาข้อมูล สหมงคลฟิล์ม และ: http://th.wikipedia.org

 


Similar Posts